แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 17
1
ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีการเลือกใช้กล้องวงจรปิดที่จะติดตั้งภายในบ้านว่าควรจะเลือกแบบไหนดี

ในปัจจุบันบ้านเรามีระบบอินเตอร์เน็ตใช้ได้เข้าทั่วถึง การสื่อสารและเทคโนโลยีต่าง ๆ จึงพัฒนาล้ำหน้าตามไปด้วย ทำให้มีความสะดวกสบายากยิ่งขึ้น ทำให้การติดกล้องวงจรปิด สามารถส่งภาพวีดีโอไปยังโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านสัญญาณไวไฟ ทำให้การดูแลความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิดในบ้านของเรา

ที่สามารถดูผ่านมือถือได้ จึงเป็นทางเลือกความปลอดภัยที่ดีและทันสมัยที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ นอกจากนี้ กล้องวงจรปิด ถือเป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่ใช่แค่สถานที่สำคัญต่างๆเท่านั้น เพราะแม้แต่บ้านของเรา ก็ต้องการความปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเป็นหูเป็นตา และคอยเตือนภัยในเวลาที่เราไม่อยู่บ้านแล้ว ภาพจากกล้องวงจรปิดยังสามารถใช้เป็นหลักฐานที่ดีเวลาเกิดคดีความต่างๆได้อีกด้วย

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า กล้องวงจรปิดที่เหมาะสมกับบ้านของเรานั้น ควรจะเลือกใช้อย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกใช้กล้องวงจรปิดที่จะติดตั้งภายในบ้านว่าควรจะเลือกแบบไหนดี เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ต้องการจะติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สินของเรา เมื่อเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ก็จะช่วยสร้างความสบายใจและดูแลบ้านให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับกล้องวงจรปิดนั้น ถือว่ามีประโยชน์มากต่อทรัพย์สินของเรา อย่างย้อยก็เพื่อความสบายใจ เมื่อเกิดเหตุที่เราไม่คาดฝัน หลักฐนจากกล้องวงจรปิด สามารถใช้เป้นหลักฐานได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะจะป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้น ตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้านได้ตลอดเวลา ลดอัตราการเกิดโจรกรรมในบ้าน เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ ๆ เข้าไม่ถึง แถมยังช่วยลดค่าประกันภัยได้ 5-10% เลยทีเดียว โดยกล้องวงจรปิด สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ Analog Camera , IP Camera ,P Camera (แบบไร้สาย) ซึ่งกล้องทั้ง 3 ประเภทนี้

ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิธีการติดตั้ง คุณภาพและความคมชัดของภาพที่ได้ และฟังก์ชันเทคโนโลยี ซึ่งจะมีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าหากว่า จะเลือกกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ส่วนใหญ่คนจะเลือกแบบไร้สาย เป็นกล้องวงจรปิดที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีฟังก์ชันที่หลากหลาย แถมยังติดตั้งเองได้ง่าย ทำงานรับ-ส่งข้อมูลด้วยสัญญาณ Wi-Fi ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและดูภาพจากกล้องแบบ Real Time ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่ทุกเวลา โดยคุณภาพสัญญาณจะเสถียรหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งรบกวนสัญญาณจากภายนอก เช่น ความหนาของผนังบ้าน

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงมีการสำรองข้อมูลลงใน Network Video Recorder (NVR) ของระบบปฏิบัติการต่างๆได้ ซึ่งยากต่อการขโมย/ดัก/เปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือ Hacker ครับ เพราะข้อมูลวิดีโอแบบ Digital Stream สามารถบันทึกและใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการอื่นๆได้หลากหลาย เช่น ถ้ามีโจรเข้ามาในบ้าน ระบบก็จะถ่ายภาพและแจ้งเตือนเข้าสู่โทรศัพท์ของเราทันที

นอกจากนี้ ยังสามารถซูมและหมุนได้รอบทิศทาง ผ่านทางคันบังคับหรือควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถตรวจสอบความเป็นไปภายในบ้านได้ตลอดเวลา และสามารถตั้งกล้องให้หมุนได้เองอัตโนมัติตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยดูแลบ้านให้กับเราได้ สร้างความสบายใจให้กับเจ้าของบ้านได้ เมื่อเราไม่อยู่บ้านนานๆ เพราะสามารถดูจากที่ไหนก็ได้

หากสนใจจะติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ เพราะเราเป็นผู้ให้บริการในเรื่องของความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน มีบริการติดตั้งระบบต่างๆภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าต้นกำลังและระบบจ่ายไฟฟ้าภายในอาคาร ระบบสุขาภิบาล และระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบปรับอากาศ และหมุนเวียนอากาศ ระบบงานบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร ระบบป้องกันเพลิง และระบบสื่อสาร และกล้องวงจรปิด แถมยังสามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ และอยู่ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ภายใต้ความปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้ามีความสบายใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด แถมยังมีบริการดูแล ซ่อมบำรุงให้ตามระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย

2
หมอออนไลน์: โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (โรคปวดข้อรูมาตอยด์ ก็เรียก) เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบได้ประมาณร้อยละ 1-3 ของคนทั่วไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4-5 เท่า และพบมากในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ก็พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย

สาเหตุ

โรคนี้พบว่ามีการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อเกือบทุกแห่งทั่วร่างกายพร้อม ๆ กัน ร่วมกับมีการอักเสบของพังผืดหุ้มข้อ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อ เชื่อว่าเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองอย่างผิดปกติต่อเชื้อโรค หรือสารเคมีบางอย่าง (ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน) ทำให้มีการสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ที่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อในบริเวณข้อของตัวเอง เรียกว่า ปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune)

พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้มากขึ้น เช่น การมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ การสูบบุหรี่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน

อาการ

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เริ่มด้วยอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูกนำมาก่อนนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แล้วต่อมาจึงมีอาการอักเสบของข้อปรากฏให้เห็น

ส่วนน้อยอาจมีอาการของข้ออักเสบเกิดขึ้นฉับพลันภายหลังได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ หลังผ่าตัด หลังคลอด หรืออารมณ์เครียด ซึ่งบางรายอาจมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโตร่วมด้วย

ข้อที่เริ่มมีอาการอักเสบก่อน ได้แก่ ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า ต่อมาจะเป็นที่ข้อไหล่ ข้อศอก

ผู้ป่วยจะมีลักษณะจำเพาะ คือมีอาการปวดข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง และข้อจะบวมแดงร้อน นิ้วมือนิ้วเท้าจะบวมเหมือนรูปกระสวย ต่อมาอาการอักเสบจะลุกลามไปทุกข้อทั่วร่างกาย ตั้งแต่ข้อขากรรไกรลงมาที่ต้นคอ ไหปลาร้า ข้อไหล ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือลงมาจนถึงข้อเท้าและข้อนิ้วเท้า

บางรายอาจมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ และอาจเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย (ไม่เกิดพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย) ก็ได้

อาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก) มักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า ทำให้รู้สึกขี้เกียจหรือไม่อยากตื่นนอน พอสาย ๆ หรือหลังมีการเคลื่อนไหวของร่างกายจะทุเลา

บางรายอาจมีการปวดข้อตอนกลางคืน จนนอนไม่หลับ

อาการปวดข้อจะเป็นอยู่ทุกวัน และมากขึ้นทุกขณะนานเป็นแรมเดือนแรมปี โดยมีบางระยะอาจทุเลาไปได้เอง แต่จะกลับกำเริบรุนแรงขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะมีความเครียดหรือขณะตั้งครรภ์

ถ้าข้ออักเสบเรื้อรังอยู่หลายปี ข้ออาจจะแข็งและพิการได้

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะโลหิตจาง ฝ่ามือแดง มีผื่นหรือตุ่มขึ้นตามผิวหนัง อาการปวดชาปลายมือจากภาวะเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น อาการนิ้วมือนิ้วเท้าซีดขาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเวลาถูกความเย็น (Raynaud’s phenomenon) ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโต ตาอักเสบ หูอื้อ หูตึง หัวใจอักเสบ หลอดเลือดแดงอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด ไข้ต่ำ ๆ น้ำหนักลด เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงและเรื้อรังอาจทำให้ข้อพิการผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ บางรายอาจมีการผุกร่อนของกระดูก ในบ้านเราพบว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคนี้ยังอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น (โรคคาร์พัลทูนเนล) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคปอดเรื้อรัง (จากการอักเสบและกลายเป็นพังผืดของเนื้อเยื่อปอด)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบอาการชัดเจน ในระยะที่เป็นมากอาจพบข้อนิ้วมือนิ้วเท้าบวมเหมือนรูปกระสวย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือดจะพบค่าอีเอสอาร์ (ESR)* และ c-reactive protein สูง และมักจะพบรูมาตอยด์แฟกเตอร์ (rheumatoid factor) และสารภูมิต้านทานที่มีชื่อว่า "Anti-cyclic citrullinated peptide (anti-CCP) antibodies"

การตรวจเอกซเรย์ข้อจะพบมีการสึกกร่อนของกระดูก และความผิดปกติของข้อ

นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจอัลตราซาวนด์และถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค

*อีเอสอาร์ (ESR) ย่อจาก erythrocyte sedimentation rate หมายถึง อัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง ค่าปกติต่ำกว่า 20 มม. ใน 1 ชั่วโมง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

เริ่มแรกจะให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก นาโพรเซน)

ยานี้ต้องกินติดต่อกันทุกวัน นานเป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ จนกว่าอาการจะทุเลา

ขณะเดียวกันก็จะให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมไปด้วย เช่น การใช้น้ำร้อนประคบ การแช่หรืออาบน้ำอุ่น ซึ่งมักจะแนะนำให้ทำในตอนเช้านาน 15 นาที

ผู้ป่วยควรพยายามขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้

แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทำการฝึกกายบริหารในท่าต่าง ๆ ซึ่งควรทำเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ข้อทุเลาความฝืดและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยควรหาเวลาพักผ่อน สลับกับการทำงาน หรือการออกกำลังกายเป็นพัก ๆ

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน และอาจต้องเข้าเฝือกเพื่อให้ข้อที่ปวดได้พักอย่างเต็มที่

ถ้าให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ไม่ได้ผล อาจต้องให้สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ แต่จะให้กินเป็นระยะสั้น

นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาให้ยากลุ่ม Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs) ที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และป้องกันภาวะข้อถูกทำลาย เช่น ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine), เมโทเทรกเซต (methotrexate), ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine), ไซโคลสปอริน (cyclosporin), เลฟลูโนไมด์ (leflunomide) เป็นต้น ซึ่งมักจะได้ผลค่อนข้างดี และช่วยให้โรคมีระยะสงบ ไม่มีอาการ (remission) ไปได้

หากไม่ได้ผล แพทย์อาจให้ยาต้านการอักเสบกลุ่มใหม่ ๆ (เช่น etanercept, infliximab, rituximab, baricitinib, tofacitinib) ซึ่งมักให้ร่วมกับเมโทเทรกเซต (methotrexate)

ในรายที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล และข้อถูกทำลายผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดแก้ไข รวมทั้งการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม (joint replacement) เพื่อให้กลับมาใช้การได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก กำมือลำบาก) ซึ่งมักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า หรือมีอาการปวดข้อนิ้วมือทุกข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง  ข้อนิ้วมือบวมเหมือนรูปกระสวย หรือมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หมั่นบริหารข้อตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง, ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ, แช่หรืออาบน้ำอุ่น
    ลดน้ำหนักถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    ออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ รำมวยจีน เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีระยะสงบ (ไม่มีอาการ) และอาการข้ออักเสบกำเริบสลับกันไป ส่วนน้อยที่อาจหายขาด และส่วนน้อยที่จะเป็นรุนแรงเกิดข้อพิการในเวลารวดเร็ว ผู้ป่วยควรติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง การใช้ยา การรักษาทางกายภาพบำบัด การกำหนดเวลาพักผ่อน ทำงาน และออกกำลังกายให้พอเหมาะ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำงานได้เป็นปกติส่วนใหญ่

2. หัวใจของการรักษาโรคอยู่ที่การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ กล่าวคือ จะต้องพยายามเคลื่อนไหวข้อและฝึกกายบริหารเป็นประจำทุกวัน อย่าอยู่นิ่ง ๆ เพราะยิ่งอยู่นิ่งข้อยิ่งฝืดแข็ง และขยับยากยิ่งขึ้น

3. ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาชุดกินเอง เพราะถึงแม้จะช่วยให้อาการทุเลาได้ แต่ก็อาจเกิดโทษจากยาสเตียรอยด์ หรือยาอันตรายอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ในยาชุด

4. เนื่องจากยาที่ใช้รักษาโรคนี้ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงในลักษณะต่าง ๆ กัน ผู้ป่วยควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาและผลข้างเคียงของยาที่ใช้ หากมีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียง (เช่น ปวดแสบ ปวดจุกแน่นท้อง ถ่ายอุจจาระดำ เป็นไข้ หรือเป็นโรคติดเชื้อบ่อย) เป็นต้น ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

5. ชาวบ้านอาจมีความสับสนในคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้เรียกเกี่ยวกับอาการปวดข้อ เช่น คำว่า รูมาติสซั่ม (rheumatism) ซึ่งหมายถึงภาวะต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บปวด ปวดเมื่อย หรือปวดล้าของข้อ เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงเป็นคำที่ใช้เรียกอาการปวดข้อ ปวดเส้นเอ็นและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยรวม ๆ ซึ่งสามารถแบ่งแยกสาเหตุได้มากมาย (ตรวจอาการปวดข้อ) ดังนั้น รูมาติสซั่ม (โรคปวดข้อ) จึงอาจมีสาเหตุจากข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไข้รูมาติก โรคเกาต์ และอื่น ๆ ไม่ได้หมายถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์โดยเฉพาะ

3
มอเตอร์โชว์ 2025: Aion-Hyper SSR-ปี 2024
7,999,000 บาท

Aion-Hyper SSR-ปี 2024
Aion Hyper SSR  ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ให้พละกำลังรวมสูงสุด 1,224 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.3 วินาที และมีแรงกระชากในระดับ 1.7G

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์        Aion
   รุ่น             Aion-Hyper SSR-ปี 2024
   ประเภทรถ     รถเก๋ง 2 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว     2024
   ราคา          7,999,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลัง
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors))
ขนาดยางหน้า-หลัง (คู่หน้า ขนาด 245/35 R20 – คู่หลัง 305/30 R20)
ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยไฟฟ้า

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า           มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2)  กำลัง 1,224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,230 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วสูงสุดภายใน 2.3 วินาที
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS              มี
   ชนิดแบตเตอรี่               ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่             74.69 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง   500 กม.
   น้ำหนักตัวรถ                      -
   ประเภทยางรถยนต์              -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กล้อง (รอบคัน 360 องศา)

4
doctor at home: กระดูกซี่โครงหัก (Rib fracture) และภาวะอกรวน (Flail chest)

กระดูกซี่โครงหัก มีความรุนแรงมากน้อยขึ้นกับลักษณะของการบาดเจ็บ ส่วนมากจะไม่มีอาการรุนแรงและค่อย ๆ หายได้เอง ส่วนน้อยอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

สาเหตุ

มักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณซี่โครงโดยตรง เช่น ถูกตี ถูกเตะ หกล้ม กระแทก ถูกพื้นหรือมุมโต๊ะ ถูกรถชน เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขณะก้มงอ บิดตัวหรือหายใจแรง ๆ และเมื่อใช้นิ้วกดถูกเบา ๆ จะรู้สึกเจ็บ

ถ้ากระดูกหักรุนแรง ทิ่มแทงถูกเนื้อปอด อาจทำให้เกิดภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดหรือปอดทะลุ หรือมีเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอด (hemothorax) ผู้ป่วยจะมีอาการหอบ ตัวเขียว ไอออกเป็นฟองเลือดสด ๆ หรือช็อก หน้าอกเคาะโปร่ง (ถ้ามีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด) หรือเคาะทึบ (ถ้ามีเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด)

ถ้ามีบาดแผลที่ผิวหนัง ทะลุถึงในปอด จะมีลมจากภายนอกผ่านบาดแผลเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มปอด ทำให้เกิดภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดได้เช่นกัน

ถ้ากระดูกซี่โครงหักหลายแห่ง (มักพบในกรณีที่เกิดจากรถชน รถคว่ำ) อาจทำให้เกิดภาวะอกรวน (flail chest) ซึ่งเป็นกรณีที่กระดูกซี่โครงหักติดต่อกันตั้งแต่ 3 ซี่ขึ้นไป และแต่ละซี่หักมากกว่า 2 ตำแหน่ง การหักนี้อาจหักข้างเดียวหรือทั้งสองข้างของทรวงอก เกิดส่วนที่แยกออกจากผนังทรวงอกเรียกว่า "ส่วนลอย" (floating segment) ทำให้ผนังทรวงอกเสียรูป เกิดการเคลื่อนไหวของทรวงอกที่ผิดปกติ (paradoxical chest movement) จะมีอาการหอบ ตัวเขียว ช็อก และหายใจผิดธรรมดา คือ หน้าอกส่วนนั้นจะยุบลงเวลาหายใจเข้าและโป่งขึ้นเวลาหายใจออก ซึ่งตรงกันข้ามกับหน้าอกส่วนที่ปกติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอดลดลงและทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนได้ ภาวะอกรวนมักเกิดในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปมากกว่าคนหนุ่มสาว

ภาวะแทรกซ้อน

กระดูกที่หักอาจทิ่มแทงถูกเนื้อปอด ทำให้เกิดภาวะมีเลือดหรือลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรืออาจเกิดภาวะอกรวนเป็นอันตรายได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และตรวจยืนยันโดยการเอกซเรย์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ากระดูกซี่โครงหักแบบธรรมดา ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหวหรือหายใจแรง ๆ ให้นอนพัก พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อย่าหายใจเข้าออกแรง ๆ และให้กินยาแก้ปวด ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าพันหรือเข้าเฝือกรอบหน้าอก อาการเจ็บปวดจะค่อย ๆ ดีขึ้น อาจกินเวลา 1-2 สัปดาห์ และกว่าอาการปวดจะหายขาดอาจกินเวลาเป็นเดือน ๆ

2. ถ้ามีอาการหอบ ตัวเขียว ช็อก หรือสงสัยมีลมหรือเลือดอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือสงสัยมีภาวะอกรวน จะต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และทำการแก้ไขตามภาวะที่พบ

การดูแลตนเอง

หากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่ากระดูกหัก ควรดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

การป้องกัน
ระมัดระวังป้องกันตัวเองในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุ และการหกล้ม

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอาการเจ็บบริเวณซี่โครงตรงที่ถูกแรงกระแทก เวลาเคลื่อนไหวหรือหายใจแรง ๆ ถึงแม้จะไม่มีอาการผิดปกติ (เช่น หายใจลำบากหรือหายใจผิดปกติ) ร่วมด้วย ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด

5
รีวิวแท็บเล็ต: แอปเปิล APPLE iPad Air6 11" (2024) (256GB) Wi-Fi+Cellular
33,900 บาท

แอปเปิล APPLE iPad Air6 11" (2024) (256GB) Wi-Fi+Cellular

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             แอปเปิล APPLE iPad Air6 11" (2024) (256GB) Wi-Fi+Cellular
   ราคากลาง          33,900 บาท
   จำนวนซิม           1 ซิม
   สี                     Yellow, Grey, Blue

   ความถี่-เครือข่าย
2G ()
3G ()
4G ()

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 178.5 x กว้าง 247.6 x หนา 6.1 มม., น้ำหนัก 462 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน-ROM     256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด    -
   แบตเตอรี่                        N/A

ชนิดจอ
   ชนิดจอ                        IPS LCD
   ขนาด-ความละเอียด         11 นิ้ว, 1,640 x 2,360 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (12 Mpx), กล้องหน้า (12 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           M2
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)              8 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              Bluetooth (5.3)
   ระบบรับส่งข้อความ                  -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, WiFi, 4G

6
เด็กควรจัดฟันเด็กตอนอายุเท่าไหร่

การจัดฟัน ถือได้ว่า เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพแล้ว การจัดฟันยังเป็นเทรนด์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันถือว่าสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณีไม่ว่าจะเป็น ปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง หรือแม้กระทั่งคนที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว แต่ไม่สวมใส่รีเทนเนอร์ ก็อาจจะต้องเข้ารับการจัดฟันอีกรอบ แต่ในกรณีของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น มีความสำคัญมาก

เพราะฉะนั้น ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะปลูกฝังหรือเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านให้มาก เพราะการขึ้นของฟันแม้นั้น ก็มีผลมาจากฟันน้ำนมด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น การดูแลฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ถือว่ามีความสำคัญมากเลยทีเดียว พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจช่องปากและฟันเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2ครั้ง หรือถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟัน หรือลักษณะการขึ้นของฟันแม้ที่มีความผิดปกติ ก็สามารถพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟัน

ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมีนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่สามารถจัดฟันเด็กได้ แต่ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถจัดได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เลยทีเดียว และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็ก ว่าควรเข้ารับการจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจหรือเป็นแนวทางในการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สำหรับบุตรหลานของท่าน

ซึ่งปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ก็มีด้วยกันหลักหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการรับประทานของหวาน ซึ่งในวัยเด็กนั้นการรับประทานขนมหรือลูกอม ถือเป็นเรื่องที่ปกติและเด็กบางคนก็ชื่นชอบการรับประทานของหวานแต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองจะต้องดูแลด้วยเช่นกัน เพราะการที่เด็กรับประทานขนมหรือลูกอม ถือเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฟันผุในวัยเด็ก นอกจากนี้ ปัญหาในเรื่องของการสบฟันที่ผิดปกติ ก็ส่งผลให้เด็กมีรูปร่างของฟันที่ไม่สวยงาม สาเหตุของการสบฟัน ที่ผิดปกติ อาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมเพราะเด็กบางคน มีขนาดขากรรไกรเล็ก ไม่สมดุลกับจำนวนซี่ของฟัน ทำให้เกิดฟันซ้อนหรือบางคนมีขากรรไกรที่ยื่น ก็อาจจะทำให้ฟันสบคร่อม โดยสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟัน นอกจากนี้ ในเรื่องของสภาพแวดล้อมหรือพฤติกรรมบางอย่างก็อาจส่งผลให้เด็กมีฟันซ้อน ฟันเกได้ เช่น พฤติกรรมการดูดนิ้ว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฟันหน้าอยู่ ในตำแหน่งที่ผิด ทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติขั้นรุนแรงได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การเข้ารับการจัดฟันในวัยเด็กนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แม้ว่าการจัดฟันอาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับเด็กทุกคน แต่การที่พ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานของท่านไปตรวจกับทันตแพทย์เป็นประจำก็สามารถแก้ไขปัญหาได้และถ้าหากพบสัญญาณของความผิดปกติก็ควรที่จะรีบแก้ไข

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 7-15 ปี ซึ่งในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ฟันน้ำนมหลุดหมดแล้วและมีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว เป็นวัยและช่วงอายุที่ควรจะเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งในวัยนี้ถ้าหากตรวจพบสัญญาณผิดปกติก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ซึ่งการจัดฟันในวัยนี้จะช่วยลดปัญหาฟันผุขั้นรุนแรงได้ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาก็อาจจะช่วยหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับฟันได้

ดังนั้น การจัดฟันในเด็กถือว่าช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่างทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใส และสามารถทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ซึ่งเรื่องของความสะอาดในช่องปากและฟันนั้นถือเป็นเรื่องสุขอนามัยที่ทุกคนควรที่จะเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษด้วย หากพ่อแม่ผู้ปกครองสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีรอยยิ้มที่สดใสสมวัยอย่างแน่นอน

7
ก่อนจะลดน้ำหนัก คุณรู้จักความอ้วนดีแล้วหรือยัง?

เชื่อว่าหลายคนที่เจอปัญหาความอ้วนมักจะคิดว่าสิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือการอดอาหาร โหมออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองผอม และตัวเลขน้ำหนักลดลง หารู้ไม่ว่านั่นคือความเชื่อที่ผิด เพราะว่า แก่นแท้ของการลดความอ้วน คือ ลดไขมัน

เมื่อเรากินอาหารเข้าไปมากกว่าปริมาณที่ร่างกายเผาผลาญหรือใช้ไปจะถูกเก็บสะสมเป็นไขมันทุกวัน ๆ จนน้ำหนักขึ้นและอ้วนได้ในที่สุด ดังนั้นการลดความอ้วน คือ คุณต้องกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป นอกจากนี้ไขมันส่วนเกินยังเป็นภัยร้ายเกาะตามชั้นผิวหนังและสะสมแทรกตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ และหัวใจ ผลร้ายที่เป็นโบนัสแถมมาต่อจากความอ้วนก็คือโรคร้ายต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ข้อเสื่อม โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบ ความดันเลือดสูง และปัญหาด้านจิตใจ เช่น การไม่พอใจร่างกายตัวเอง หรือการถูกมองจากสังคม

รู้จักสร้างกล้ามเนื้อแทนที่ไขมัน

เป้าหมายของการลดความอ้วนจึงต้องลดไขมันส่วนเกินแล้วแทนที่ด้วยกล้ามเนื้อ ยิ่งมีมวลกล้ามเนื้อมากยิ่งทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึมเผาผลาญสารอาหารโดยเฉพาะไขมันได้มากกว่าคนที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย อาหารที่กินเข้าไปก็จะไม่สะสมแล้วแปรสภาพเป็นไขมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นตัวการทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น การลดความอ้วนจึงไม่ใช่การอดอาหารเพื่อให้น้ำหนักลดอย่างที่หลายคนเข้าใจกันอยู่

ตัวเลขบนตาชั่งไม่สามารถชี้วัดการลดความอ้วนที่ถูกต้อง แต่เป็นเพียงตัวช่วยเสริมให้เราทราบถึงน้ำหนักมวลรวมที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น

ไขข้อข้องใจ ทำไมถึง “โยโย่”

ลองเช็กดูว่าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือเปล่า

    โหมออกกำลังกายหนัก
    อดมื้อกินมื้อ
    งดกินคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
    กินแต่ผักและผลไม้อย่างเดียว
    ฯลฯ

พอทำแบบนี้ติดต่อกันร่างกายจะปรับตัวเพื่อให้คุ้นชินกับอาหารที่กินเข้าไป ระบบเผาผลาญจะลดการทำงานน้อยลง เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายผอมลง สูญเสียมวลกล้ามเนื้อมาก และถ้าคุณหยุดพฤติกรรมนี้เมื่อไรน้ำหนักจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เจอกับภาวะ “โยโย่” ระบบเผาผลาญพัง กลับมาอ้วนเหมือนเดิม ลดน้ำหนักยาก และกว่าร่างกายจะกลับมาปกติก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนาน

วิธีลดความอ้วน (ไขมัน) ที่ถูกต้อง

หลักการมีง่าย ๆ ว่า “หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น เว้นดึก” มื้อเช้าต้องเป็นมื้ออาหารหลักเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้พลังงานตลอดทั้งวัน เมื่อมื้อเช้าทานเต็มอิ่ม มื้อเที่ยงก็จะรู้สึกหิวน้อยลง แต่ควรทานให้ได้ครึ่งหนึ่งของมื้อเช้า และมื้อเย็นควรทานก่อน 6 โมงเย็น โดยเน้นผัก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ผลไม้หวานน้อย เลี่ยงอาหารรสจัด อาหารไขมันสูง จำกัดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงในแต่ละวัน ลองเลือกดื่มเป็นน้ำเปล่า ชาจีน กาแฟดำ (ไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน) น้ำมะนาว (ไม่ใส่น้ำตาล) และเข้านอนช่วง 4 – 5 ทุ่ม ลองทำแบบนี้ทุก ๆ วันหุ่นคุณจะเริ่มดูกระชับขึ้น

ออกกำลังกาย 30 นาทีทุกวัน

นอกจากคุมอาหารแล้วต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยจะเห็นผลได้ชัดขึ้น ไขมันลดลงกล้ามเนื้อเข้าแทนที่ สำหรับคนเริ่มออกกำลังกายอาจเริ่มต้นการเดินเร็ว ก้าวขายาว ๆ และแกว่งแขน ประมาณ 30 นาทีทำติดต่อกัน 5 วัน / สัปดาห์

รู้ไหมว่า…หากเดินได้เร็วถึง 1 ชั่วโมงหรือประมาณ 6 กิโลเมตร จะใช้พลังงานได้ถึง 350 แคลอรี่ หรืออาจจะลองปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ควบคู่กับการทำเวทเทรนนิ่ง เสริมสร้างกล้ามเนื้อช่วยระบบเผาผลาญในร่างกายให้ดีขึ้น

ความเครียดทำให้อ้วน

บางคนเครียดแล้วมักจะหาที่ลงด้วยการกิน เพราะร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดชื่อว่า คอร์ติโซล (Cortisol) ในปริมาณมาก จึงทำให้รู้สึกอยากอาหารมาก ๆ โดยเฉพาะของหวานและของมัน จนกลายเป็นคนที่สะสมไขมันได้ง่ายกว่าคนที่อารมณ์ดี ฉะนั้นคุณต้องรู้จักสังเกตอารมณ์และจิตใจตัวเอง แล้วคุณจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

วิธีคลายเครียดที่ได้ผลคือ การออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายหลั่ง เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ทำไมทำตามวิธีเหล่านี้แล้วยังไม่ได้ผล

คุณอาจไม่ได้อ้วนเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่อาจเข้าข่ายภาวะอ้วนจากความผิดปกติในร่างกาย คือ เกิดจากร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ผิดปกติ หรือกินแล้วร่างกายไม่เผาผลาญ ซึ่งจะรู้แน่ชัดโดยผ่านการตรวจสอบจากแพทย์ เพราะต้องตรวจเช็กเรื่องฮอร์โมน อาทิ ต่อมใต้สมอง ไทรอยด์ ตับอ่อน ฮอร์โมนที่ใช้ในการเผาผลาญ และหากพบว่าเกิดจากระบบเผาผลาญในร่างกายผิดปกติ ก็จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะแพทย์จะทำการวินิจฉัยปรับเปลี่ยนวิตามิน ปรับปรุงเกลือแร่เพื่อเข้าไปช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ เมื่ออาการดีขึ้นไขมันและคอเลสเตอรอลจะลดลง ร่างกายก็จะสามารถกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ

8
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่นในรอบ 10 กว่าปี

หลังจากที่ Mitsubishi Triton 2024 ใหม่ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ล่าสุดทางมิตซูบิชิประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวันที่ทางรถกระบะเจนฯ ใหม่ จะลงตลาดวางขายในดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว โดยมีกำหนดลงโชว์รูมในวันที่ 15 ก.พ. 2024 นี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น GLS และรุ่น GLR โดยรถที่วางขายในแดนปลาดิบนี้จะถูกผลิตทั้งคันจากโรงงานในประเทศไทย

สำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดนี้ จะมีเฉพาะตัวถังแบบ Double Cab 4 ประตู ในด้านงานออกแบบมาพร้อมแนวคิดที่เรียกว่า Beast Mode (บีสท์ โหมด) ที่สะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ

ด้านหน้ายังมาในแบบไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) โดยในรุ่น GLR จะได้รับกระจังหน้าสีเดียวกัยตัวรถ พร้อมปั้มชื้อแบรนด์ M I T S U B I S H I ไว้ที่ขอบกระจังหน้าด้านบน ส่วนตรงกลางติดตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นกระจังหน้าสีดำ ขณะที่ลายละเอียดจะเหมือนกับในรุ่นท็อป GLR

นอกจากนั้นในส่วนชุดแต่งที่ขอบชุดไฟหน้า ในรุ่น GLR จะเป็นสีดำ ลากยาวมาจรดถึงกันชนหน้า ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นสีบรอนซ์เงิน เช่นเดียวกัยที่ฝาครอบกระจกแมองข้าง และมือเปิดประตู ในรุ่นท็อปจะเป็นสีดำ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะเป็นสีบรอนซ์เงิน นอกจากนั้นยังเติมความดุดันด้วยการ์ดกันกระแทกสีเงินในร่นท็อป ขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะไม่มีติดตั้งมาให้

อีกทั้งในรุ่น GLR ยังมาพร้อมกับซุ้มล้อสีดำมาในแบบสามมิติ เข้าชุดกับล้ออัลลอยล้อรมดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น GLS จะมีขนาด 18 นี้วเท่ากัน แต่จะมาในสีเทา

นอกจากนั้นในรุ่น GLR ยังได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้าย มาพร้อมไฟท้าย ไฟท้าย LED T-shaped และกันชนหลังสีเงิน

โดยในรุ่น GLR จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica

ส่วนในรุ่น GLS จะมีให้เลือก 5 เฉดสีได้แก่ สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica, สีบรอนซ์เงิน Blade SilveR Metallic และสีแดง Red Solid

ภายในห้องโดสารทั้ง 2 รุ่นย่อยจะได้รับจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่หุ้มด้วยวัสดุหนัง มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้นับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า และด้านหลัง 1 จุด, แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด

สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการกขับขี่ จะได้รับระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ e-Assist, ประตูกระบะท้ายพร้อมระบบกุญแจล็อก เป็นต้น

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนวอร์ชันญี่ปุ่นทั้ง 2 รุ่นย่อย จะมากัยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Triton Athlete ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-Ⅱ และระบบล็อกเฟืองท้าย

สำหรับ Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นในตลาดญี่ปุ่น จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยในรุ่น GLS จะมีราคา 4,988,000 เยน หรือราว 1.2 ล้านบาท และรุ่น GLR เปิดราคาอยู่ที่ 5,401,000 เยน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท

9
ทำบุญ ไหว้พระ วัดเขาทุเรียน วัดสีชมพู นครนายก ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ สวยแปลกไม่เหมือนใคร

วันนี้เราขับรถไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ ดีกว่า อยู่แค่ที่ นครนายก นี่เองค่า เป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นและไม่มีเหมือนใครอย่างมาก กับวัดนี้ที่มีชื่อว่า วัดเขาทุเรียน หรือ วัดสีชมพู นั่นเอง ถ้าใครชอบชมความสวยแบบไม่มีใครเหมือน ลองตามเรามาชมวัดนี้ไปพร้อมๆ กันเลย!

ประวัติ วัดเขาทุเรียน

     วัดเขาทุเรียน หรือวัดที่เรียกกันว่า วัดสีชมพู แห่งนี้ ตั้งอยู่ใน ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างขึ้นมาโดยชาวมอญ แล้วมีการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกลุ่มชนชาวลาวเวียงจันทน์ที่อพยพเข้ามาในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์อีกที จนมาปรากฏหลักฐานจดทะเบียนสร้างวัดเมื่อปี พ.ศ. 2330 ซึ่งมีอายุมามากกว่าสองร้อยกว่าปีแล้วค่ะ

     จริงๆ แล้ววัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดหัวเขา ด้วยความที่วัดอยู่บริเวณตรงกับส่วนหัวของภูเขา ที่ติดต่อกันไปหลายลูก ทั้ง เขาทุเรียน เขาฝาละมี เขาแท่น ต่อมามีชาวบ้านเห็นว่าบริเวณเหนือวัดเขาขึ้นไปมี ต้นทุเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก เลยตั้งชื่อใหม่เป็น วัดเขาทุรียน อีกทั้งในอดีตสมัยที่ หลวงพ่อปุ้ย เป็นเจ้าอาวาส มีการให้ญาติโยมแปรรูปไม้ทุเรียนป่า มาทำเป็นฝากุฏิ และใช้มาเป็นกุฏิให้พระภิกษุสามเณร จำพรรษา มาจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ

ไฮไลท์ ของ วัดเขาทุเรียน

     และเมื่อที่คราวที่ทุเรียนป่าตายลง หลวงพ่อปุ้ยก็เลยปลูกไม้สักขึ้นแทนจนเต็มไหล่เขานั่นเองค่ะ ทำให้ในปัจจุบันไม่เห็นต้นทุเรียนแล้ว แต่สิ่งที่โดดเด่นของ วัดเขาทุเรียน แห่งนี้ ก็คือ ตัวโบสถ์ที่ตกแต่งด้วยสีชมพู สีสันสดใสงดงามอย่างมาก สะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปชมอย่างแน่นอน รวมไปถึงยังมีป้าย สุดยอดส้วมแห่งปีพ.ศ. 2552 อีกด้วยค่ะ

     โดยห้องน้ำของทางวัด จะมีการตกแต่งที่สวยงาม รวมทั้งมีมุมสุขภาพให้ได้ผ่านคลาย ทั้ง การเดินนวดเท้าบนกะลา และอุปกรณ์สำหรับนวดเท้าอื่นๆ ภายในห้องน้ำก็มีการติดแอร์เอาไว้ แยกส่วนของห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง และห้องน้ำผู้สูงอายุ อย่างชัดเจน เป็นห้องน้ำที่ดูสะอาดและแปลกตากว่าห้องน้ำอื่นๆ อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าทำไมถึงได้เป็นสุดยอดส้วมแห่งปี ต้องลองมาชมเองเลยค่ะ
ข้อมูล วัดเขาทุเรียน นครนายก

    ที่อยู่ : ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.
    โทร : -
    เว็บไซต์ : -

10
มอเตอร์โชว์ ขับรถ EV อย่างไรถึงจะปลอดภัย? กับ Volvo Electric Vehicle Driving Academy

Volvo Electric Vehicle Driving Academy แบบฝึกหัดการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ปลอดภัย พร้อมตอบข้อสงสัยที่มือใหม่ผู้ใช้รถไฟฟ้าควรรู้ เปิดให้บุคคลทั่วไปลงทะเบียนแล้ว มาดูกันว่าการอบรมครั้งนี้จะมีอะไรกันบ้าง
 

ทุกวันนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงผู้คนมากขึ้น หลายคนเลือกใช้รถประเภทนี้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยความต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมของค่ายรถต่าง ๆ รวมถึงมาตรการรัฐที่สนับสนุน
 
สิ่งที่ควรรู้ไว้คือรถยนต์ไฟฟ้า แตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปอยู่หลายประการ ทั้งระบบขับเคลื่อน น้ำหนักรถ โครงสร้างการถ่ายเทน้ำหนัก ส่งผลให้การขับขี่มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร และส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงกว่ารถน้ำมัน
 
Volvo หนึ่งในค่ายรถยนต์ที่ต้องการมุ่งทำรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ และต้องการสร้างความเข้าใจในรถยนต์ไฟฟ้าแก่บุคคลทั่วไปให้มากขึ้น
 
จึงเป็นที่มาของกิจกรรม Volvo Electric Vehicle Driving Academy ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกอบรมให้บุคคลทั่วไปสามารถควบคุมรถ EV ผ่านการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจพบได้ในชีวิตประจำวัน ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์ ตั้งแต่วันที่ 13-19 ส.ค. นี้
 
ทางเรา Checkraka.com มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จึงนำมาบอกต่อให้แก่ผู้ที่สนใจ มาดูกันว่า กิจกรรมนี้จะพาเราไปรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นอย่างไรบ้าง
 

บรีฟข้อมูล
 
ก่อนจะขับรถกันเราต้องมีการบรีฟข้อมูลกันก่อน ส่วนนี้จะเป็นการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกียวกับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการตอบคำถามพบบ่อยที่หลายคนสงสัยในรถ EV แบ่งเป็นพาร์ทต่าง ๆ ดังนี้
 

Basic EV Knowledge
 
ส่วนนี้จะเป็นการให้ความรู้เบื้องต้นของรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะใช้ข้อมูลจาก Volvo EX30 รถที่ใช้ในกิจกรรมนี้ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลทั้งหัวชาร์จแบบต่าง ๆ, การติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน, มาตรฐานวัดระยะทางขับขี่รูปแบบต่าง ๆ (CLTC/NEDC/WLTP) รวมถึงมีการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการเดินทางของรถยนต์ไฟฟ้าเทียบรถน้ำมันอีกด้วย
 
นอกจากนี้ ภายในงานยังตอบข้อสงสัยที่พบบ่อยเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (FAQ) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานรถอีวีหรือผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น


สเปค Volvo EX30
 
กิจกรรมครั้งนี้จะใช้ Volvo EX30 ทดสอบภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด ทั้งในรุ่นขับหลังมอเตอร์เดี่ยว Single Motor Ultra และรุ่นขับสี่มอเตอร์คู่ Twin Motor Performance มีสเปค ดังนี้
 
มอเตอร์เดี่ยว Single Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 69 kWh งไกลสุด 540 กม. (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที
มอเตอร์คู่ Twin Motor ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดที่ 428 แรงม้า แรงบิด 543 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 69 kWh วิ่งไกลสุด 520 กม. (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที
 
สำหรับการชาร์จ ทั้งสองรุ่นใช้หัวชาร์จ CCS Type 2 สามารถชาร์จ AC ที่ความเร็วสูงสุด 11 kW จาก 0-100% ได้เร็วสุด 8 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จเร็ว DC ที่ความเร็วสูงสุด 175 kW ชาร์จแบตเตอรี่ 10-80% ได้ภายใน 28 นาที
 
อย่างไรก็ตาม นอกจากความรู้พื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว สิ่งที่ควรทำให้ถูกต้องคือ ท่าทางการขับขี่รถยนต์ โดยจะต้องปรับให้พอดี สามารถควบคุมแป้นเบรค/คันเร่ง พวงมาลัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นส่วนของท่านั่งขับขี่ การปรับความสูง/ต่ำพวงมาลัย ไปจนถึงการจับพวงมาลัย
 
Volvo EX30 ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันผู้โดยสารจากอุบัติเหตุมากมาย ซึ่งเราจะได้เรียนรู้ว่าระบบช่วยเหลือเหล่านี้ทำงานอย่างไรในการอบรมครั้งนี้ด้วย

 
ระยะเบรค Emergency Braking
 
การอบรมครั้งนี้ยังกล่าวถึงการเบรคฉุกเฉิน (Emergency Braking) โดยปกติแล้ว คนทั่วไปจะมีระยะเวลาตอบสนองเท่า ๆ กันในทุกความเร็ว ดังนั้น เมื่อเราใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเราจะต้องเผื่อระยะเบรคฉุกเฉินให้มากขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักรถเฉลี่ยมากกว่ารถน้ำมันก็จะต้องเผื่อระยะให้มากขึ้น 
 

Physical of Driving
 
หนึ่งในสิ่งที่ควรรู้เบื้องต้นสำหรับการขับขี่รถยนต์คือ Physical of Driving ซึ่งเป็นหลักการของแรงที่เกิดขึ้นเมื่อขับขี่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เมื่อเร่งความเร็ว EX30 รุ่น Twin Motor จะมีแรงขับเคลื่อนที่ล้อหลังมากกว่าด้านหน้า และน้ำหนักจะถ่ายเทไปด้านหลัง, การเบรคที่น้ำหนักจะถ่ายเทมาที่ด้านหน้า รวมถึงการเลี้ยวที่หากเลี้ยวซ้ายน้ำหนักจะถ่ายเทไปด้านขวา หากเลี้ยวขวาก็จะกลับกัน
 
การอบรมครั้งนี้ Volvo EX30 ได้รับการสนับสนุนด้วยยาง Goodyear EfficientGrip PERFORMANCE SUV มีโครงสร้างยางที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา พร้อมเทคโนโลยี QuietTred, FlexContact และ Advanced Compounding ให้สมรรถนะที่ดี แต่ยังคงความนุ่มเงียบสมเป็น SUV พรีเมียม
 

Station อบรมขับขี่รถ EV ให้ปลอดภัย ทั้ง 5 ฐาน
 
สำหรับ Station อบรมการขับขี่มีทั้งหมด 5 ฐาน เรียงตามที่ผู้เขียนเข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้
 
Group Warm Up
 
ในฐานแรกเป็นการทำความรู้จักกับรถก่อน เริ่มด้วยการเหยียบคันเร่งจนมิดและเบรคกะทันหันในจุดที่กำหนด เพื่อให้คุ้นเคยกับน้ำหนักการเบรค ต่อมาจะเป็นการสลาลอมที่ทำให้เราคุ้นเคยกับน้ำหนักพวงมาลัยของรถมากขึ้น ที่ความเร็วประมาณ 35-40 กม./ชม.

Moose Test
 
ต่อมาจะเข้าสู่ฐาน Moose Test เป็นมาตรฐานการทดสอบที่เริ่มต้นขึ้นจากประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย (บ้านเกิด Volvo) เพื่อทดสอบรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน คล้ายการเปลี่ยนเลนกะทันหัน แต่มีการเปลี่ยนไปและเปลี่ยนกลับมายังเลนเดิม
 
ในฐานนี้จะใช้ EX30 รุ่นขับสี่ Twin Motor Performance ที่ความเร็วต่าง ๆ ตั้งแต่ 50-60++ กม./ชม. จำลองสถานการณ์เหมือนมีกวางมูสที่ยืนขวางเลนรถของเราและต้องเบี่ยงหลบไปยังเลนสวน ขณะเดียวกันก็ต้องกลับเข้าเลนตัวเองเพราะรถสวนมาพอดี
 
สเตชั่นนี้เป็นการฝึกควบคุมพวงมาลัยให้นุ่มนวลมากที่สุด ทำให้รถไม่เสียอาการจนเสียหลักเมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นมา
 

Avoiding Obstacles
 
สถานีนี้เป็นการจำลองสถานการณ์หลบสิ่งกีดขวางที่เกิดขึ้นกะทันหัน เช่น ขณะขับต่อหลังรถบรรทุกก็มีของหล่นออกมาจากท้ายรถซึ่งเราจะต้องหักหลบ
 
เราจะต้องใช้ EX30 รุ่นขับหลัง Single Motor เพื่อหักหลบกรวยไปทางซ้าย สลับกับทางขวาที่ความเร็วตั้งแต่ 50-60+ กม./ชม. โดยทางซ้ายจะหักหลบได้ง่ายกว่าทางขวาเล็กน้อยเพราะตอนหักซ้ายกรวยจะอยู่ใกล้ตัวซึ่งเราจะกะระยะได้แม่นยำกว่า
 

Braking And Avoiding
 
สำหรับสเตชันนี้เป็นการเบรคฉุกเฉินที่ต้องหยุดรถให้สนิท เช่น สถานการณ์ที่ป้ายขนาดใหญ่หรือต้นไม้ล้มขวางทาง เริ่มด้วยการเร่งที่ความเร็ว 50-60+ กม./ชม. แล้วเบี่ยงซ้ายตามกรวยพร้อมกดเบรคจนสุด จำลองสถานการณ์ว่าไม่ให้ชนสิ่งกีดขวางด้านหน้า
 
 
Understeer
 
สเตชันสุดท้ายคือการควบคุมรถขณะเข้าโค้งรูปครึ่งวงกลม ในความเร็วตั้งแต่ 40-60+ กม./ชม. เราจะเห็นอาการหน้าดื้อหรือ understeer ของรถที่มากขึ้นตามความเร็ว บนพื้นเปียกที่ทาง Volvo จะราดน้ำไว้ให้ด้วย
 
เริ่มจากความเร็ว 40 กม./ชม. รถยังไม่มีอาการใด ๆ ต่อมาที่ 50 กม./ชม. รถจะมีอาการมากขึ้น เราจะต้องแตะเบรคที่กลางโค้งพร้อมกับมองที่กรวยบริเวณโค้งด้านในและหักเลี้ยวเพิ่มขึ้น สุดท้ายที่ความเร็ว 60 กม./ชม. จะต้องเบรคกะทันหันพร้อมหักพวงมาลัยเพิ่มที่กลางโค้ง เพื่อให้ระบบ ESC ช่วยให้รถกลับเข้าโค้งก่อนจะขับต่อไป
 

สรุป: มือใหม่หัดใช้ EV ควรเรียนคอร์สนี้
 
Volvo Electric Vehicle Driving Academy คือคอร์สอบรมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่ม ปูพื้นฐานได้ตั้งแต่ความรู้เบื้องต้น ตอบข้อสงสัยที่พบบ่อย รวมถึงสอนการขับขี่เบื้องต้นให้แก่บุคคลทั่วไป
 
หากใครที่สนใจคอร์สรถยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันเช่นนี้ สามารถลงทะเบียนกับทาง Volvo Thailand ได้เลย โดยงานมีตั้งแต่วันที่ 13-19 ส.ค. นี้เท่านั้น

หน้า: [1] 2 3 ... 17
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ลงประกาศขายที่ดินฟรี ลงประกาศขายคอนโดฟรี ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทเว็บไซต์ google หน้าแรก