แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2
1
ขายรถไมล์น้อย Mitsubishi Pajero 4WD Elite Edition ราคาพิเศษพร้อมส่วนลดและของแถมจัดเต็ม

รถไมล์น้อย มิตซูบิชิ Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT-Premium 4WD Elite Edition ปี 2020
Mitsubishi Pajero Sport 2WD Elite Edition รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ PPV พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐาน ได้แก่ กระจังหน้ารถสีดำตกแต่งด้วยโลโก้ PAJERO SPORT บนฝากระโปรงหน้า และโลโก้ ELITE EDITION ที่ฝาประตูท้าย พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลส ทั้งนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งสีดำทั้งหมด ได้แก่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า-หลัง ราวหลังคา สปอยเลอร์หลัง และ เสาอากาศแบบครีบฉลาม

Mitsubishi Pajero Sport 2WD Elite Edition ภายในห้องโดยสารยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งสีน้ำตาล QUOLE MODURE ที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดดเพื่อความสบายตลอดการเดินทาง ทั้งยังตกแต่งพิเศษด้วยแผงข้างประตูและคอนโซลกลางบุด้วยวัสดุนุ่มสีน้ำตาล พร้อมสัญลักษณ์ PAJERO SPORT เหนือกล่องเก็บของด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ฝาครอบสเตนเลสพร้อมไฟ LED พรมห้องโดยสารปักโลโก้ PAJERO SPORT และกล้องบันทึกภาพหน้ารถ DVR เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดและของแถมจัดเต็ม

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 ก.ย. - 31 ต.ค. 2567
จองวันนี้ รับบัตรเติมน้ำมัน ฟรี! 5,000 บาท
พร้อมแถมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี

ราคาพิเศษ 1,399,000.-

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            Mitsubishi
   รุ่น                 มิตซูบิชิ Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT-Premium 4WD Elite Edition ปี 2020
   ประเภทรถ        รถอเนกประสงค์ SUV
   ปีที่เปิดตัว         2020

สเปค
   เครื่องยนต์                4N15, 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG Turbo Interocooler

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      2,442 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  181 แรงม้า
   ระบบเกียร์                    เกียร์ออโต้ 8AT
   รูปแบบเกียร์                  พร้อม Sport Mode และระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-Sensor
   ระบบเบรค ABS             มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA)
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      ดีเซล, ไบโอดีเซล B5
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      N/A
   ระบบจ่ายน้ำมัน              หัวฉีด Common Rail

   น้ำหนักตัวรถ                   -
   ประเภทยางรถยนต์            -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน              ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย (Immobilizer)
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบปรับระยะส่องไฟหน้า (อัตโนมัติ)
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันการโจรกรรม
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL) (แบบ Spectum LED)
เข็มขัดนิรภัย (ด้านคนขับแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ)
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA)
อื่นๆ (ระบบเตือนออกนอกเลน (LCA) ระบบเตือนขณะถอยหลัง (RCTA))
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล




2
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







3
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



4
บ้านโมเดิร์นสไตล์ แบบบ้านที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู น่าอยู่ด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ด้วยการออกแบบและตกแต่งที่เน้นถึงความเรียบง่าย มีพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากกว่าของตกแต่งเกินจำเป็นต่างๆ


ด้วยรูปทรงของตัวบ้านที่เน้นเอาทรงเรขาคณิตเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้การตกแต่งและการใช้พื้นที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย และใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
ด้วยการออกแบบที่เน้นความเรียบ และการออกแบบไม่ซับซ้อนมากนัก ทำให้สไตล์โมเดิร์นสามารถออกแบบการตกแต่งได้หลากหลาย รวมทั้งยังนำไปผสมผสานเข้ากับสไตล์อื่นๆ ได้ง่ายและลงตัวอีกด้วย

 
ไอเดียแต่งบ้านหรูสไตล์ Modern แบบต่างๆ

1. MODERN STYLE

การตกแต่งบ้านอย่างเรียบง่าย เน้นการใช้สอยพื้นที่เป็นหลัก โดยลดทอนการออกแบบลวดลาย ของตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก ส่วนสีที่ใช้ส่วนใหญ่เน้นเป็นสีโทนขาว และสลับด้วยสีเทาหรือสีดำ เพื่อให้ห้องดูโปร่ง โล่ง ให้ความรู้สึกสบาย

บ้านสไตล์โมเดิร์นเน้นเล่นดีไซน์เหลี่ยมมุมทรงเรขาคณิต ให้กลิ่นอายของความทันสมัยผ่านการใช้แสงไฟ ของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอย่างโครงเหล็ก และกระจก


2. MODERN CLASSIC

การตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค เป็นการตกแต่งแบบผสมผสานวัสดุและลวดลายที่มีความอ่อนช้อยหรูหราเข้ากับความเรียบหรู โดยมีการลดทอนรายละเอียดของลวดลาย แล้วเพิ่มเส้นสายในรูปแบบที่ดูทันสมัยเข้าไปมากขึ้น

ความพิเศษของการแต่งบ้านสไตล์นี้คือ การใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีความคลาสสิคมาตกแต่งในบ้านโมเดิร์น ทำให้เกิดการผสมผสานที่ลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบหรูสง่างาม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศของบ้านแบบกึ่งเก่ากึ่งใหม่ ให้กลิ่นอายของความมีระดับ

 

3. MODERN CONTEMPORARY

การตกตแงบ้านสไตล์ Modern Contemporary จะเน้นความเป็นวินเทจที่ผสมผสานกับความทันสมัย สามารถใช้งานได้ไม่ตกเทรนด์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ดี

จุดเด่นของบ้าน Modern Contemporary จะมีองค์ประกอบของบ้านที่ใช้ความงามของเส้นสายและรูปทรงเรขาคณิตเป็นหลัก ลดทอนความฟุ่มเฟือย มีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ยังมีมิติที่น่าสนใจ ส่วนการออกแบบพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมตกแต่งด้วยบรรยากาศโดยรอบด้วยสวนรายล้อม ให้ความรู้สึกเย็นสบายและสงบ

 

4. MODERN LUXURY

การตกแต่งที่เน้นความเป็นโมเดิร์นผสมกลิ่นอายของความอบอุ่น หรูหรา โดยโครงสร้างบ้านจะเป็นสไตล์โมเดิร์นที่สอดแทรกความเป็น Luxury เข้าไป ผ่านของตกแต่งที่มีความเงา มันวาว เน้นโทนสีเงิน สีทอง เมทาลิค ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการตกแต่งสไตล์นี้

บ้าน Modern Luxury ยังนิยมเลือกใช้วัสดุที่เป็นลวดลายหินอ่อนให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ก็ยังแฝงด้วยความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย รวมถึงการแต่งแต้มลูกเล่นด้วยเส้นสายสีทองในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งทั้ง โคมไฟ โซฟา หรือขอบกระจกบานใหญ่

 

5. MODERN TROPICAL

สไตล์การตกแต่งที่เน้นการสร้างพื้นที่ให้มีความโปร่ง โล่ง ด้วยการออกแบบอย่างเรียบง่าย โดยคำนึงถึงความเข้ากันของบ้านกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ตั้งอยู่
ลักษณะเด่นของการตกแต่งบ้าน Modern Tropical นิยมนำเอาวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ให้ดูร่วมสมัย พร้อมปรับแต่งตัวอาคารให้เรียบง่ายกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

การแต่งบ้างสไตล์นี้เน้นสีแนวเอิร์ธโทน มีความโปร่ง โล่ง มีช่องเปิดที่ลมสามารถพัดผ่านได้ดี รายล้อมด้วยต้นไม้ที่สามารถเชื่อมต่อกับตัวบ้านได้อย่างลงตัว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ใช้เป็นวัสดุธรรมชาติ นิยมแบบลอยตัว มีน้อยชิ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย

 

6. MODERN LOFT

บ้านที่ตกแต่งโดยนำความเรียบง่ายทันสมัยของโมเดิร์นผสานกับความดิบและเน้นโชว์รายละเอียดอย่างเป็นธรรมชาติของวัสดุไม่ว่าจะเป็นไม้ ปูน อิฐ โครงสร้างเหล็ก ทำให้บ้านดูมีดีไซน์ทที่ทันสมัยสอดคล้องกันอย่างลงตัว ถือเป็นการเพิ่มความซอฟต์และลดความดิบกระด้างลงไป

บ้านสไตล์ Modern Loft โดดเด่นด้วยการออกแบบเพดานยกสูง พื้นที่ภายในดูโปร่ง โล่ง เน้นโชว์คานและโครงสร้างหลังคา รวมถึงผิวเดิมๆ ของวัสดุ ตัวผนังเน้นเปิดเปลือย เห็นแนวท่อและการเดินสายไฟที่ผ่านการดีไซน์ให้เกิดความน่าสนใจ

วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้คือ ไม้และเหล็ก เฟอร์นิเจอร์เลือกเป็นแบบลอยตัว เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และไม่ค่อยนิยมงานบิวท์อิน ส่วนโทนสี Modern Loft เหมาะและเข้ากันได้ดีกับ สีเทา ดำ ขาว อิฐแดง หรือสีที่ไม่ฉูดฉาดมากนัก

การตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น เน้นที่ความทันสมัย และเรียบง่าย แต่ก็ยังสามารถผสมผสานเข้ากันกับแบบอื่นๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความทันสมัยแบบผสมผสาน ซึ่งทำให้ตัวบ้านมีเอกลักษณ์และโดดเด่น ที่สำคัฐคือตอบรับความต้องการตามไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างดี



ไอเดียแต่งบ้านหรูสไตล์ MODERN เรียบง่ายได้ฟังก์ชันครบ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

5
“ชุดสีสด” เป็นเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสชัดเจน แต่ด้วยความสดของเนื้อสีในผ้า บางครั้งมันก็ยากต่อการจัดการดูแลให้สีผ้าไม่ซีดจางลง

ปัญหาของการมี “เสื้อผ้าสีสด” หรือเสื้อผ้าสีสวย ๆ คือพอเราทำการซักเสื้อผ้าดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องพบกับปัญหาการซีดจากลงของตัวสีบนเนื้อผ้า ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เพราะหากปล่อยให้ผ้าสีสดของเรา ให้กลายเป็นผ้าสีจาง เสื้อผ้าเหล่านั้นก็จะดูเสื่อมราคาลง และดูไม่น่าใส่ในที่สุด

ดังนั้นการซักหรือดูแลผ้าสีสด โดยเฉพาะเสื้อตัวโปรด หรือเสื้อโปโลพนักงานที่จำเป็นต้องใส่ซ้ำ ๆ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีที่เฉพาะ ทำให้เทคนิคการซักผ้าสีสดให้ไม่สีจางหรือสีตกจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ความลับที่เราจะเปิดเผยให้กันไม่ได้ วันนี้จึงมีเคล็ดลับดีๆมาฝากกัน หรือหากใครจะแชร์ต่อไปก็ไม่ว่ากัน


แยกผ้าสีอ่อน ผ้าสีเข้ม และผ้าขาวออกจากกัน

การแยกผ้าสีต่าง ๆ ก่อนนำไปซัก ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของปัญหาสีซีดสีตกเลย เพราะการแยกประเภทของผ้า จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาผ้าสีตก รวมถึงช่วยถนอมเสื้อตัวโปรด หรือเสื้อโปโลพนักงานทุกตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยเราควรแยกผ้าออกเป็น ผ้าสีอ่อน ผ้าสีเข้ม และผ้าขาว


1. กลับผ้าด้านใน ออกมาก่อนซัก

การกลับเอาผ้าด้านในของเสื้อผ้า เสื้อโปโลพนักงาน กางเกง ออกมาก่อนซัก จะช่วยลดการเสียดสีและการชำระล้างลงในเวลาที่ผ้าถูกซัก เพราะการเสียดสีและการชำระล้างจะทำให้ผิวผ้าเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นการกลับผ้าจะช่วยรักษาผิวผ้าด้านนอกเอาไว้ได้


2. ผสมน้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยลดความหมองให้เสื้อผ้าตัวโปรด หรือเสื้อโปโลพนักงานของเรา โดยให้เราผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยตวงเข้ากับน้ำครึ่งหม้อใบใหญ่ที่สามารถแช่เสื้อผ้าลงไปได้ เสร็จแล้วต้มจนกว่าจะเดือดจึงปิดไฟและรอให้เย็นลงสักพักจึงค่อยใส่ผ้าลงไปแช่ไว้ประมาณ 1 คืน แล้วค่อยนำไปซักตามปกติ


3. อย่าใช้ความร้อนสูง

ความร้อนจะทำให้เม็ดสีของเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานของเราซีดจางลง ลองสังเกตสักนิดว่าน้ำที่ใช้ซักผ้าเป็นประจำ อยู่ในอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียสหรือเปล่า รวมไปถึงการรีดผ้า อบผ้าเอง ก็ไม่ควรตั้งอุณหภูมิเอาไว้สูงเกินไป ในส่วนของการอบผ้า ก็ควรเอาผ้าออกมาในตอนที่ผ้ายังมีความชื้นอยู่บ้าง


4. ซักผ้าแบบถนอมการซัก

ถ้าซักเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานด้วยมือ เราไม่ควรใช้แปรงซักผ้า เพราะอาจทำให้เส้นใยผ้าเกิดความเสียหาย ส่วนถ้าซักเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานด้วยเครื่อง ให้ตั้งค่าการซักแบบถนอมใยผ้า เพื่อลดความเสียหายของเนื้อผ้า และป้องกันสีซีดจางลง


5. ตากในที่แดดไม่แรง อากาศถ่ายเทดี

หากเราตากเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานกลางแจ้ง ในช่วงที่แดดจัด ๆ ความร้อนของดวงอาทิตย์จะทำให้เสื้อผ้าหรือเสื้อโปโลพนักงานของเราสีซีดจางลงได้อย่างรวดเร็ว (1 – 2 ชั่วโมงก็เห็นผลแล้ว) ลองปรับที่ตากผ้ามาอยู่ตรงชายคาของบ้าน หรือบริเวณที่แดดไม่ลง ยิ่งมีลมผ่านด้วยจะยิ่งดีมาก และควรกลับผ้าทุกครั้งเวลาที่เราตากผ้า


6. ทำความสะอาดเฉพาะจุดให้เป็น

หากเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานเกิดมีคราบเฉพาะจุดเกิดขึ้นเป็นบริเวณเล็ก ๆ ควรทำความสะอาดเป็นพิเศษให้คราบสลายออกไปบางส่วนก่อน เพื่อง่ายต่อเวลานำไปซักต่อ โดยอาจจะใช้น้ำยาป้ายทิ้งเอาไว้หรือใช้วิธีการแช่ผ้าก่อนที่จะนำไปซักก็ได้ อย่าใช้แปรงขัดหรือขยี้แรง ๆ ซ้ำ ๆ ในที่เดิม ๆ เพราะอาจจะทำให้ผ้าบริเวณนั้นสีซีดลงได้


7. ใช้เกลือ

เราสามารถใช้เกลือทะเลทำการล็อคสีในเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานได้ โดยให้เราใส่เกลือลงไปในถังซักผ้าโดยตรง ประมาณครึ่งถ้วยตวงหรือ 8 ช้อนโต๊ะ หรือถ้าเป็นการซักมือก็ใช้วิธีการแช่ผ้าในน้ำเกลือก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยนำไปล้างหรือซักตามปกติ

อย่างไรก็ตามเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานก็เป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง มีวันเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน หรือวันเวลาที่จัดเก็บอยู่แล้ว ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาสีของผ้า หรือตัวเสื้อผ้าให้อยู่คงรูปเหมือนเดิมตั้งแต่ตอนที่ซื้อมาตลอดไป ดังนั้นหากเรามีเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานที่เก่าจริง ๆ ก็ควรเริ่มที่คิดจะทิ้ง และหาซื้อเสื้อผ้า หรือเสื้อโปโลพนักงานมาใส่ใหม่ ก็อาจเป็นแนวคิดที่ถูกต้องกว่า

ชุดแม่บ้าน: ดูแลเสื้อผ้ายังไง? ให้สดใส ไม่มีหมอง  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/

6
ในช่วงหน้าฝน หลายบ้านอาจจะประสบกับปัญหาหลังคารั่วซึม โดยเฉพาะบ้านเก่าๆที่มีอายุนานหลายปี จึงไม่แปลกที่จะต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งอาจจะเกิดจากวัสดุที่ผ่านการใช้งานมานาน ที่อาจจะเกิดการชำรุดเสียหายได้ตามกาลเวลา ซึ่งต้องบอกว่า ปัญหาหลังคารั่วซึมนับเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของเจ้าของบ้านที่ไม่ว่าจะท่านใดก็คงไม่อยากให้เกิด เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของบ้าน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ หรือส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้ โดยสาเหตุของปัญหาหลังคารั่วอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องหลังคาแตก เพราะได้รับแรงกระทบจากของแข็งไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ หรืออะไรก็แล้วแต่ รวมไปถึงวัสดุมุงหลังคาเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอันเนื่องมาจากการติดตั้งผิดวิธี และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ผิดมาตรฐานตั้งแต่แรก ย่อมทำให้เกิดปัญหาหลังคารั่วในระยะยาวได้


ดังนั้น การที่เราจะสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านที่เราจะอยู่ไปตลอด ควรเลือกวัสดุที่ดีได้มาตรฐาน หรือจ้างช่างรับเหมาที่น่าเชื่อถือ มีความเชี่ยวชาญ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาประสบปัญหาในภายหลัง เพราะการซ่อมแซมบ้านในแต่ละครั้งนั้น ย่อมทำให้เราจะต้องเสียเงินเสียทองมากมาย ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงปัญหาหลังคารั่วซึมว่า สามารถเกิดได้จากอะไร และมีวิธีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

 
ปัญหาหลังคารั่วซึมของบ้านแต่ละหลัง  แน่นอนว่าจะมีสภาพความรุนแรงที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการรั่วที่สะสมมาเป็นเวลามากน้อยต่างกัน บางหลังพอเกิดปัญหาหลังคารั่วมาเป็นระยะเวลานานโดยที่ไม่ได้รับการแก้ไขจนเกิดปัญหาฝ้าเพดานทะลุเป็นรู  น้ำสามารถหยดเข้ามาในบ้านได้สร้างความเสียหายแก่ตัวบ้าน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ และทรัพย์สินภายในบ้านเกิดความเสียหายได้ แต่ก่อนอื่นที่เราคิดจะแก้ไขปัญหาหลังคารั่ว เราต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยด้วย เพราะหลังคาเป็นส่วนที่อยู่ไกลสายตาและที่ความสูงมาก ซึ่งเวลาเกิดรูรั่ว เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น แต่อาจะรับรู้ได้จากการเสียงและคราบน้ำบนฝ้า แต่เมื่อพบปัญหาแล้วควรรีบแก้ไขในทันที เพราะหากละเลยจะทำให้ฝ้าเพดานบวม เสียรูปทรง เกิดการทะลุได้  และเกิดเชื้อราได้ 


ซึ่งการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดและจบอย่างถาวร ควรปรึกษาช่างที่มีความชำนาญเฉพาะด้านจริงๆ เพราะหากใช้ช่างทั่วไปอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ดูฝีมือ  อาจจะเกิดปัญหาหลังคารั่วซ้ำซากแก้ไขไม่รู้จบ แต่ก่อนที่เราจะซ่อมแซมหลังคา เราต้องค้นหาจุดรั่วซึมให้เจอเสียก่อน จะช่วยให้ช่างสามารถซ่อมได้อย่างถูกจุด โดยวิธีแก้ที่นิยม ก็คือ การยิงซิลิโคนเข้าไปอุดในส่วนที่เกิดรอยรั่ว ซิลิโคนมีความยืดหยุ่นสามารถปิดรอยรั่วและรอยแตกได้ และมีความแข็งแรงช่วยในการอุดไม่ให้น้ำไหลผ่านเข้าไปด้านในตัวบ้าน ซึ่งซิลิโคนมีราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย และประหยัดกว่าการไปซื้อตัวแผ่นหลังคามาซ่อมใหม่  ซิลิโคนมีอายุการใช้งานประมาณ 3-6  ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่เลือกใช้ด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ซิลิโคนอาจเสื่อมสภาพ เราก็ต้องเรียกช่างมาซ่อมหลังคาให้ใหม่อีกที แต่ถ้าอยากจะให้ปัญหาหลังคารั่วหายขาดไปเลย วิธีที่ดีที่สุดคือ การเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาในจุดที่เกิดรั่วซึมหรือรอยร้าว โดยเลือกใช้กระเบื้องรุ่นเดิม แต่อาจพบปัญหาเรื่องเฉดสีของกระเบื้องที่ต่างจากเดิม


เนื่องจากกระเบื้องเก่าตากแดดตากฝนมาเป็นเวลานานทำให้สีกระเบื้องจางลง วิธีแก้คือ สามารถทาสีสำหรับกระเบื้องหลังคาใหม่ทั้งแผ่นหรือทาทั้งหมด เพื่อให้หลังคาใหม่และเก่าสีใกล้เคียงกัน แถมยังช่วยทำให้บ้านของเราดูใหม่ มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นด้วย

หากพบปัญหาและต้องการที่แก้ไข สามารถติดต่อ ทางเรามีบริการ ซ่อมบำรุงบ้านและอาคารสถานที่ ติดตั้งและบำรุงรักษาระบบประปา ออกแบบท่อน้ำในอาคาร ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำในอาคาร และระบบจัดการแบบครบวงจร โดยเราจะทำการประเมินวิเคราะห์และออกแบบวางแผนบำรุงรักษา ไม่เพียงแผนการซ่อมแซมตามปกติที่ต้องเข้าดูแลอย่างรวดเร็วเท่านั้น การวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่ระเอียดรอบคอบ เพื่อบ้านและอาคารของลูกค้ามีความสะอาด มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย


ซ่อมบำรุงอาคาร: หลังคารั่วทำอย่างไร ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

7
Porsche Taycan 4S Plus รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive พิเศษด้วยเพิ่มความจุและกำลังเป็น  571 แรงม้า (PS) (420 กิโลวัตต์) แรงบิด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์ ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ high-power charging network จะทำหน้าที่สะสมพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้า กระแสตรง direct current (DC) จนสามารถเดินทางได้เป็นระยะสูงสุดกว่า 100 กิโลเมตร ระยะเวลาเพียง 22.5 นาที ในการชาร์จพลังงานตั้งแต่ความจุแบตเตอรี่ 5 - 80 เปอร์เซ็นต์ SoC ) อัตราการใช้กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 26.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร วิ่งได้ระยะทาง 386 - 463 กม.


รายละเอียดเบื้องต้น
 
แบรนด์            Porsche
รุ่น                 ปอร์เช่ Porsche Taycan 4S Plus ปี 2020
ประเภทรถ        รถเก๋ง 4 ประตู, รถเก๋งซูเปอร์คาร์, Electric - EV
ปีที่เปิดตัว         2020
ราคา              7,556,500 บาท


ดีไซน์
  ภายนอก

    ล้อแม็ก (เลือกแบบได้)
    กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
    กระจกกรองแสง (กระจกตัดแสง privacy glass)
    ไฟตัดหมอก (หน้า-หลัง)
    ระบบควบคุมระยะการจอด (หน้า-หลัง)
    ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้าง
    ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Three-Chamber Air Suspension)
    ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ (เปิด-ปิด อัตโนมัติ)
    ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
    ไฟท้าย LED
    ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
    ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
    อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (กล้องมองภาพถอยหลัง, ระบบประตูดูดsoft-close)
    ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (PASM (Porsche Active Suspension Management), Porsche Dynam-ic Chassis Control Sport (PDCC Sport))
    ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ)
    ไฟหน้า LED (LED matrix ซึ่งรวมเอาระบบ PDLS Plus ไว้ด้วยกัน)
    หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ

  ภายใน

    เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
    ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
    ระบบนำทาง (Navigator)
    ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (หน้า-หลัง)
    พวงมาลัยหุ้มหนัง
    พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
    ม่านกระจกหลังปรับไฟฟ้า
    กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
    ม่านบังแดด (สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง)
    หัวเกียร์หุ้มหนัง

สเปค
 
มอเตอร์ไฟฟ้า              ติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด หน้าและหลัง 571 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร Gross battery capacity 793.4 kWh เวลาชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ใน 9 ชม.
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 530 แรงม้า
ระบบเกียร์                   2 จังหวะ
รูปแบบเกียร์
ระบบเบรค ABS            มี
ชนิดแบตเตอรี่              ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง     370 กิโลเมตร
น้ำหนักตัวรถ
ประเภทยางรถยนต์
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time
ระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย

    ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
    ตัวถังนิรภัย
    ดิสก์เบรก 4 ล้อ
    เซ็นทรัลล็อค
    ไฟเบรกดวงที่ 3
    ระบบแจ้งอุปกรณ์ทำงานขัดข้อง
    รีโมทคอนโทรล
    ระบบป้องกันการโจรกรรม
    ระบบกระจายแรงเบรก EBD
    หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
    อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ
    เข็มขัดนิรภัย
    พวงมาลัยยุบตัวได้
    กระจกนิรภัย
    คานเหล็กเสริมนิรภัย
    อื่นๆ
    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
    ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
    เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking - IEB)
    เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
    เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA)
    เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor - IAVM)
    เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
    เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA

รถยนต์ไฟฟ้า ปอร์เช่ Porsche Taycan 4S Plus ปี 2020 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

8
1.อ่าวนาง จ.กระบี่

อ่าวนาง ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นจุดสำคัญสำหรับลงเรือไปท่องเที่ยวยังเกาะต่างๆ ประกอบด้วยชายหาดสวยงามหลายแห่ง เช่น หาดไร่เล หาดพระนาง มีทิวเขาขึ้นคั่นสลับซับซ้อนระหว่างหาดต่างๆ ดูสวยงามแปลกตา ตลอดระยะทางชายหาด 2 กิโลเมตร จะมีบริการโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และบริการทัวร์ต่างๆ ที่เปิดกันตั้งแต่ช่วงสายๆ จนเกือบตี 2 ของทุกคืน แสงไฟจากร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ในยามค่ำคืน มันบ่งบอกได้ถึงความเป็นที่นิยมของอ่าวนางได้เป็นอย่างดีทีเดียว


2. อ่าวมาหยา จ.กระบี่

อ่าวมาหยา เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Beach "อ่าวมาหยา" เป็นอ่าวหนึ่งของเกาะพีพีเล ลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวที่โอบล้อมด้วยขุนเขา มีทิวทัศน์สวยงาม น้ำทะเลเขียวสดใส หาดทรายขาวสะอาด เม็ดทรายเล็กละเอียดเนียนนุ่ม เหมาะแก่การมานอนอาบแดดและเล่นน้ำทะเลมาก ถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ของการทัวร์หมู่เกาะพีพี


3.จุดดำน้ำหินกลาง  จ.กระบี่

จุดดำน้ำหินกลาง อยู่ระหว่างเกาะพีพีดอนกับเกาะไม้ไผ่ ตรงจุดนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดดำน้ำตื้นที่สวยงามที่สุดในหมู่เกาะพีพี มีทั้งปะการังหลากสีสันและมากด้วยฝูงปลาสวยงามนานาพันธุ์


4. อ่าวต้นไทร  จ.กระบี่

อ่าวต้นไทร บนเกาะพีพีดอน เกาะนี้มีจุดเด่น คือ เวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี มีสถานที่พักและร้านค้ามากมาย จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ได้


5.เกาะห้อง  จ.กระบี่

เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ แต่ค่อนไปทางจังหวัดพังงา จึงถูกจัดเข้าไปอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา โปรแกรมทัวร์หมู่เกาะห้องนี้มีจุดเริ่มต้นโดยออกเดินทางจากที่ท่าเรืออ่าวนางเช่นกัน โดยออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เกาะแดง เป็นอันดับแรก เป็นเกาะขนาดย่อมซึ่งโดดเด่นด้วยกองหินน้อยใหญ่สีน้ำตาลแดง เกาะนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีต้นมะพร้าว และป่าไม้เบญจพรรณประเภทไม้ชายหาดพุ่มเตี้ย มีเนินเขาและหน้าผา มีหาดทรายสวยงาม นักท่องเที่ยวจะนั่งอยู่เฉยๆ บนเรือก็ยังสามารถมองเห็นแนวปะการังใต้ท้องน้ำ เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก เราดำน้ำดูปะการังกันได้สักพักแล้วก็ไปชม เกาะห้องลากูน หรือ อ่าวห้อง เกาะนี้มีลักษณะเป็นสระธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยผาหินสูงชันเกือบทุกด้าน ในช่วงที่น้ำขึ้นสามารถนำเรือไหลเข้าไปช้าๆ ภายในนอกจากจะมีน้ำที่ใสสะอาดสงบนิ่งแล้ว ยังมีผืนป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์รวมอยู่ด้วย


6. เกาะผักเบี้ย  จ.กระบี่

เกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ริมหาด แม้ว่าเกาะนี้จะมีแนวชายหาดที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีหาดทรายที่ขาวสะอาดไม่แพ้หาดอื่นๆ ความสวยงามอีกจุดหนึ่งของเกาะนี้คือ เมื่อยามน้ำลงจะปรากฏสันทรายขึ้นเชื่อมระหว่างเกาะเบี้ย 2 เกาะ เราเรียกว่า "ทะเลแหวกมินิ" ระยะทางไม่กว้างมาก แต่ก็ทำให้เราได้เห็นภาพ น้ำทะเลใส หาดทรายขาว ภูเขาเขียว และท้องฟ้าสด ที่สร้างความประทับใจให้เราเป็นอย่างมาก จุดนี้เราได้แชะภาพที่ระลึกกันอย่างเมามันเลยทีเดียว

7.ท่าปอมคลองสองน้ำ จ.กระบี่

ท่าปอมคลองสองน้ำ อยู่ในเขตอำเภอเมือง มีต้นกำเนิดมาจากแอ่งน้ำผุดบนเขา ไหลผ่านสระน้ำกลางป่าก่อนที่ไหลลงสู่ทะเลอันดามัน โดยคลองท่าปอมอยู่บริเวณรอยต่อของน้ำจืดกับน้ำเค็มพอดี ยามน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในคลองที่จืดสนิทจะกลายเป็นน้ำกร่อย ครั้นพอน้ำลงน้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันน้ำทะเลออกหมด ทำให้พื้นที่ธารน้ำท่าปอมเป็นป่าพรุ ที่มีลักษณะพิเศษคือ มีน้ำเค็มและน้ำจืดไหลมาบรรจบกัน ทำให้เห็นแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นล่างจะสีออกฟ้าอ่อนๆ คล้ายสีน้ำทะเล ส่วนชั้นบนจะออกสีใสๆ เพราะเป็นน้ำจืด เวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชม คือ ช่วงก่อนเที่ยงเพราะช่วงนั้นน้ำทะเลจะขึ้นจึงทำให้เราได้เห็นสีของความแตกต่างของน้ำเหมือนขนมชั้น


8.สุสานหอย จ.กระบี่

สุสานหอย อยู่ห่างจากอ่าวนางตรงไปตามทางหลวง 4203 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร สุสานหอยแห่งนี้เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ถือเป็นความมหัศจรรย์ระดับโลก เพราะทั่วโลกมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ ที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย สุสานหอย เกิดจากการตายทับถมของซากฟอสซิลหอยโบราณจำนวนมากมากว่า 30 - 40 ปี ชั้นจึงหนามองดูคล้ายแผ่นคอนกรีต แต่ถ้าดูในแนวตัดจะเห็นเป็นเปลือกหอยตัวเล็กๆ อัดแน่นรวมกันอยู่อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นพวกหอยขมน้ำจืด ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.


9.สระมรกต จ.กระบี่

สระมรกต อยู่อำเภอคลองท่อม สระนี้มีกำเนิดจากน้ำพุร้อนผุดออกมาจากตาน้ำ ไหลออกมาเป็นธารน้ำอุ่น อยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่น มีด้วยกันทั้งหมด 3 สระ คือ สระแก้ว สระมรกต และสระผุด แต่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้แค่บริเวณสระมรกตเท่านั้น และหากเดินตรงขึ้นไปจากสระมรกตประมาณ 500 เมตร เราก็จะได้พบกับตาน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของสระมรกตแห่งนี้ ซึ่งมีสีเขียวอมฟ้า สดใสสวยงามดั่งมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบๆ บริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.


10.เกาะลาดิง  จ.กระบี่

เกาะลาดิง หรือ เกาะเหลาลาดิง เกาะแห่งนี้มีทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงาม ทั้งเวิ้งอ่าวเล็กๆ ซึ่งรายล้อมด้วยซอกหลืบโพรงผาหินปูนสูงชันอันเป็นแหล่งพำนักอาศัยของบรรดานกนางแอ่น หาดทรายสีขาวที่มีเนื้อเนียนละเอียด น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใส ด้วยความสวยงามดังกล่าวข้างต้นนี้เองที่ทำให้ชาวต่างชาตินิยมเรียกเกาะแห่งนี้ว่า "Paradise Island" หรือ "เกาะสวรรค์" นักท่องเที่ยวนิยมมานอนอาบแดด เล่นน้ำ ให้อาหารปลา ถ่ายภาพกับทิวทัศน์ต่างๆ ในเกาะนี้ เมื่อใช้เวลากับเกาะนี้กันพอสมควรแก่เวลาแล้ว เราก็กลับสู่ท่าเรืออ่าวนาง เป็นอันจบโปรแกรมโดยสมบูรณ์

ที่ท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ของดีแดนใต้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ bit.ly/3VfCErf

9
หลังจากรับบริการจากทันตแพทย์หรือศัลยแพทย์ช่องปากมาในแต่ละขั้นตอน และยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการรักษา อาจต้องระมัดระวังแผลผ่าตัดให้ดีจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการใส่รากฟันเทียม ดังนี้

    ควรกินอาหารอ่อนๆ โดยเฉพาะบริเวณที่รับการผ่าตัดใส่รากฟันเทียม
    สามารถกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ รวมถึงใช้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อตามที่ศัลยแพทย์แนะนำ
    ควรไปพบศัลยแพทย์ช่องปากตามนัดในกรณีที่ต้องตัดไหม
    งดสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้แผลหายช้าและเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนได้

ผู้รับบริการสามารถขอคำแนะนำจากศัลยแพทย์ช่องปากถึงอาหาร และพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง รวมถึงการดูแลรักษาความสะอาดให้เหมาะสมด้วย
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม


การทำรากฟันเทียมมีข้อดีหลายข้อ ดังนี้

    ใช้ทดแทนรากฟันธรรมชาติได้ใกล้เคียงที่สุด รากฟันเทียมฝังลึกลงไปถึงกระดูกขากรรไกร ผู้ที่ใส่รากฟันเทียมจึงรู้สึกราวกับรากฟันเทียมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ต่างกับฟันปลอมแบบถอดได้ หรือสะพานฟันตรงตำแหน่งฟันลอย
    ช่วยลดโอกาสเกิดฟันล้ม โดยปกติหากฟันธรรมชาติสูญหายไปและไม่ได้รับการรักษาทดแทน อาจทำให้ฟันซี่อื่นๆ เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมจนเกิดปัญหาฟันล้มได้
    ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ที่สูญเสียฟัน รากฟันเทียมเป็นเหมือนเสาค้ำยันที่แข็งแรงกว่าฟันธรรมชาติ ผู้รับบริการสามารถเลือกใส่ครอบฟันหรือสะพานฟันด้านบนเพื่อให้ช่องปากดูเป็นปกติ และใช้งานได้เหมือนเดิม
    ช่วยให้พูดได้เป็นปกติมากขึ้น รากฟันเทียมที่เสร็จสิ้นการรักษาแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ยังมีฟันตามธรรมชาติอยู่
    ช่วยให้กินอาหารได้เป็นปกติขึ้น รากฟันเทียมจะติดแน่นกับเหงือกเหมือนรากฟันธรรมชาติ ทำให้ไม่เคลื่อนที่ไปมาเหมือนฟันปลอมถอดได้ ช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ปกติยิ่งขึ้น
    ช่วยให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น รากฟันเทียมไม่จำเป็นต้องกรอฟันซี่อื่นเหมือนการใส่สะพานฟันที่ต้องกรอฟันซี่ข้างๆ เพื่อเป็นหลักยึด นอกจากนี้รากฟันเทียมยังดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายเหมือนฟันธรรมชาติ
    มีความทนทานสูง หากดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ เช่น โรคเหงือก รากฟันเทียมอาจใช้งานได้ตลอดชีวิต
    ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่าย ผู้ที่ใส่รากฟันเทียมไม่ต้องคอยถอด ใส่ เหมือนกับฟันปลอมแบบถอดได้

ข้อดีโดยสรุปของการทำรากฟันเทียม คือช่วยให้ผู้รับบริการกลับมามีสภาพฟันที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งภาพลักษณ์ และการใช้งานที่แข็งแรง
ข้อเสียของการทำรากฟันเทียม


ข้อเสีย และข้อจำกัดของการทำรากฟันเทียม อาจมีดังนี้

    ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำฟันปลอมทั่วไป
    ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
    ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน บางกรณีอาจใช้เวลาถึง 1 ปี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องปลูกกระดูกสันเหงือกเพิ่มเติม
    ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานที่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ ผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบรุนแรง ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมกล้ามเนื้อ ฯลฯ จำเป็นต้องมีการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
    ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักประสบปัญหากระดูกไม่ผสานกับรากฟันเทียม และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าปกติ

ดังนั้น แม้การทำรากฟันเทียมจะมีข้อดีมากมาย และดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระยะยาว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาร่วมกันด้วยมากมาย ทางที่ดีควรดูข้อมูลของทางเลือกต่างๆ เช่น สะพานฟัน ฟันปลอมแบบถอดได้ ประกอบการพิจารณาร่วมกันกับทันตแพทย์ด้วย


ทำรากฟันเทียมยี่ห้อไหนดี?

รากฟันเทียมมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีระดับราคาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ผลิตในประเทศไทย เอเชีย และยุโรป ซึ่งแต่ละประเทศก็จะใช้นวัตกรรมที่แตกต่างกัน

แต่หลักเกณฑ์สำคัญที่ใช้ในการเลือกรากฟันเทียม ได้แก่ ความแข็งแรง ทนทาน ความสามารถในการยึดเกาะกับกระดูก และการรับประกัน ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด


ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม?

ส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บขณะที่ฉีดยาชา แต่ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บ และจะมีอาการปวดบวมอีกครั้งหลังจากทำเสร็จแล้ว ซึ่งทันตแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดตามความเหมาะสม และอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงตามลำดับ


ทำรากฟันเทียมอันตรายไหม?

หลายคนอาจกังวลว่ามีการฝังวัสดุลงไปในกระดูกขากรรไกร จะเป็นอันตรายหรือไม่ โดยหลักแล้วหากทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะมีความปลอดภัยสูงและไม่อันตราย

แต่การทำรากฟันเทียมก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เช่น ติดเชื้อในตำแหน่งที่ฝังรากฟัน หรือขณะฝังรากเทียมอาจทำให้ฟันข้างเคียงเส้นเลือด หรือเส้นประสาทบาดเจ็บจนเกิดความรู้สึกเจ็บปวด หรือชา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ผลลัพธ์ในการรักษาด้วยรากฟันเทียมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตำแหน่งที่ใส่รากฟันเทียม การดูแลรักษา และอื่นๆ แต่โดยปกติแล้วการทำรากฟันเทียมมีอัตราความสำเร็จในการรักษาสูงถึง 98% หากดูแลอย่างเหมาะสม และทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


ใส่รากฟันเทียมแล้วจัดฟันได้ไหม?

ตามปกติทันตแพทย์จะแนะนำให้จัดฟันให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงค่อยทำรากฟันเทียม เนื่องจากรากฟันเทียมจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เหมือนฟันธรรมชาติ

แต่หากตำแหน่งที่ต้องการฝังรากฟันไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องเคลื่อนที่ ทันตแพทย์ก็อาจพิจารณาให้ทำรากฟันเทียมก่อนการจัดฟันได้


การดูแลรักษารากฟันเทียม?

การดูแลรักษาความสะอาดของรากฟันเทียมนั้นไม่แตกต่างกับการดูแลช่องปากตามปกติ โดยการ

    แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อาจปรึกษาทันตแพทย์ถึงประเภทแปรงสีฟันที่เหมาะสม
    ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน
    ใช้น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็ง เช่น น้ำแข็ง กระดูก
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และยาสูบประเภทอื่นๆ
    ไม่ควรใช้ฟันเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เปิดกระป๋อง
    ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ

โดยสรุปแล้ว การใส่รากฟันเทียมเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติไป และต้องการใส่ฟันทดแทนที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้เหมือนฟันปกติ เงื่อนไขสำคัญในการทำรากฟันเทียมคือต้องมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง และสามารถไปพบทันตแพทย์ได้หลายครั้งตลอดการรักษา



รากฟันเทียมทั้งปาก: การดูแลตัวเองหลังใส่รากฟันเทียม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/3P3AQ21

10
อสังหา / โรคมะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal cancer)
« เมื่อ: 14 ตุลาคม 2023, 09:50:13 am »
มะเร็งหลอดอาหาร เป็นมะเร็งที่พบได้น้อยกว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหารพบในภาคใต้มากกว่าภาคอื่น ๆ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 3 เท่า พบมากในคนอายุ 55-65 ปี


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การดื่มสุราจัด
    การสูบบุหรี่
    การกินอาหารและเครื่องดื่มร้อนจัดเป็นประจำ
    การเป็นโรคกรดไหลย้อน
    เยื่อบุหลอดอาหารถูกทำลายด้วยน้ำกรด น้ำด่าง หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ
    ภาวะอ้วน
    การกินผักและผลไม้น้อย
    เคยได้รับการฉายรังสีรักษามะเร็งที่บริเวณหน้าอกหรือช่องท้องมาก่อน


อาการ

มีอาการกลืนลำบากเป็นอาการหลัก รู้สึกกลืนแล้วเจ็บหรือติดที่ตำแหน่งต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับคอจนถึงระดับลิ้นปี่ เริ่มด้วยการกลืนอาหารแข็ง (เช่น ข้าวสวย) ได้ลำบาก ต่อมากลืนอาหารอ่อน (เช่น ข้าวต้ม) ไม่ได้ จนในที่สุดแม้แต่กลืนน้ำก็ลำบาก ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วเนื่องจากกินอาหารไม่ได้ อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองที่คอหรือแอ่งไหปลาร้าโต หรืออาการที่เกิดจากมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด


ภาวะแทรกซ้อน

เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้น ทำให้หลอดอาหารอุดกั้น (กินอาหารดื่มน้ำไม่ได้ น้ำหนักลด) มีอาการเจ็บปวด มีเลือดออก (ทำให้โลหิตจาง) อาจทำให้มีอาการสำลักอาหารเข้าปอด ทำให้ปอดอักเสบได้

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ที่คอ แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการเอกซเรย์หลอดอาหารโดยการกลืนแป้งแบเรียม (barium swallow หรือ esophagram) การใช้กล้องส่องตรวจหลอดอาหาร (upper endoscopy) และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สารซีอีเอ (carcinoembryonic antigen/CEA) ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและการติดตามผลการรักษา

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน-PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

ถ้าพบระยะแรก แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัดและเคมีบำบัด ถ้าพบในระยะลุกลามก็จะให้รังสีบำบัดร่วมกับเคมีบำบัด

ผลการรักษา หากได้รับการตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะแรก มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีมากกว่าร้อยละ 40

แต่ถ้าตรวจพบระยะที่มะเร็งลุกลามหรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 5-20


การดูแลตนเอง
หากสงสัย เช่น มีอาการกลืนลำบาก รู้สึกกลืนแล้วเจ็บหรือติดที่ตำแหน่งต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับคอจนถึงระดับลิ้นปี่ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

-    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
-    ขาดยาหรือยาหาย
-    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร ด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัด
    ไม่สูบบุหรี่
    หลีกเลี่ยงการกินอาหารและเครื่องดื่มร้อนจัด
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ


ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการกลืนลำบากโดยไม่ทราบสาเหตุควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่นๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี



โรคมะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal cancer) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/

11
เชื่อว่าเมื่อกลับถึงบ้านทุกคนคงอยากทิ้งตัวลงนั่ง เพื่อพักให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า แต่ทว่ากลับทำแบบนั้นเลยทันทีไม่ได้ เพราะต้องเดินไปเปิดไฟให้เกิดแสงสว่างทั่วบ้าน กดรีโมตเพื่อเปิดแอร์ และกดเปิดทีวีดูซีรีส์ที่ค้างไว้ ซึ่งคงจะเป็นการดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกชิ้นได้เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส หรือการสั่งการด้วยเสียงเท่านั้น
มาเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในบ้านให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนบ้านให้เป็น Smart Home ที่เราจะสามารถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เปิดไฟให้บ้านสว่างไสว เพื่อรอต้อนรับเรากลับบ้านหลังเลิกงานได้ง่าย ๆ ผ่านการสั่งงานด้วยแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แล้วสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบ้านเป็น IoT Smart Home ต้องมีอะไรบ้าง? เรามี 7 อุปกรณ์ IoT ที่จะช่วยเปลี่ยนบ้านคุณเป็น Smart Home มาแนะนำกัน

มารู้จัก IOT Smart Home คืออะไร?

Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะ คือการใช้เทคโนโลยี AI เชื่อมกับอุปกรณ์ IoT หรือ Internet of Things ต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานและสั่งการเปิด-ปิดได้ด้วยการกดปุ่มบนสมาร์ทโฟนผ่าน Smart Home Applications เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้พักอาศัย

อุปกรณ์ IoT ที่ติดตั้งใน Smart Home มีอะไรบ้าง?

หากใครกำลังต้องการเปลี่ยนบ้านหลังเดิมให้กลายเป็น Smart Home สุดทันสมัย แต่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้อุปกรณ์ IoT เพื่อทำให้บ้านเป็น Smart Home ได้อย่างไร เราจะมาแนะนำอุปกรณ์พื้นฐานที่ Smart Home ทุกบ้านควรมี ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้

หลอดไฟอัจฉริยะ

หลอดไฟอัจฉริยะ เป็นอุปกรณ์ IoT ที่นิยมใช้กันทั้งในบ้านและคอนโดมิเนียม เนื่องจากสามารถสั่งเปิดปิดด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งยังสามารถสั่งการได้ในระยะไกล เพื่อช่วยทำให้ไฟสว่างไสว ปลอดภัยในยามค่ำคืน
รวมถึงหากลืมปิดไฟก่อนออกจากบ้าน ยังสามารถสั่งปิดไฟจากที่ทำงานหรือสถานที่ที่คุณอยู่ได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย

Smart TV

อีกหนึ่งอุปกรณ์ IoT ที่บ้านอัจฉริยะควรต้องมี คือ Smart TV ที่คุณสามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ลด-เพิ่มระดับความดังของเสียง รวมทั้งยังสามารถสั่งเปิดรายการที่ชื่นชอบไว้รอคุณกลับมาชมได้เช่นกัน ยิ่งในปัจจุบันยังสามารถเลือกซื้อ

Smart TV ได้จากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ ช่วยให้การรับชมทีวีของคุณสนุกได้แบบขั้นสุด

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

หมดกังวลปัญหาฝุ่นเกาะเต็มพื้นบ้าน แม้ในวันที่คุณไม่อยู่บ้าน หรือต้องไปทำงานที่อื่นเป็นเวลานาน ด้วยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด เพื่อให้หุ่นสามารถทำความสะอาดบ้านได้เนียนกริบ เพียงการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเท่านั้น
กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ

อีกหนึ่งอุปกรณ์ IoT ที่ควรติดตั้งใน Smart Home คือ กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ อุปกรณ์ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยในบ้าน ที่สามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ที่สามารถตรวจสอบภาพจากแอปพลิเคชันได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณสามารถสอดส่องดูแลบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา

เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ

ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวไม่ว่าจะฤดูไหนของเมืองไทย การมีแอร์อัจฉริยะ หรือเครื่องปรับอากาศที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่สามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน คงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตได้ไม่น้อยเลย

เพราะคุณสามารถสั่งเปิดแอร์เอาไว้ ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ทำให้ทันทีที่คุณเข้าถึงตัวบ้านก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสดชื่น รวมถึงยังสามารถสั่งปิดแอร์จากนอกบ้าน ในวันที่ลืมปิดได้ด้วย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบสุด ๆ

เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ

เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ IoT ที่จำเป็นต้องติดตั้งใน Smart Home เพื่อต่อสู้กับภาวะฝุ่นละอองและ PM 2.5 ที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ และเป็นการช่วยปกป้องสุขภาพของทุกคนในบ้านด้วย

ตู้เย็นอัจฉริยะ

ในส่วนของอุปกรณ์ IoT อย่างสุดท้าย เพื่อให้บ้านเป็น Smart Home แบบครบจบก็คือตู้เย็นอัจฉริยะ ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ เพียงแค่สั่งการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อีกทั้งบางรุ่นยังมีระบบสแกนเพื่อตรวจเช็กอาหารในตู้เย็น และทำรายการสั่งซื้ออาหาร รวมถึงชำระเงินแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย


เช็กลิสต์ 7 อุปกรณ์ IoT Smart Home ที่บ้านสมัยใหม่ต้องมี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

12
วิตามินและอาหารเสริมเป็นตัวช่วยเติมสารอาหารที่ร่างกายเราขาดไป และไม่ใช่แค่บำรุงสุขภาพเท่านั้น แต่บางคนยังกินวิตามินเพื่อบำรุงผิว บำรุงผม หรือบางคนก็กินวิตามินเพื่อลดสิว ลดหน้ามันด้วย แต่การกินวิตามินให้ได้ผลดีควรกินตอนไหน ยังไงบ้าง ลองมาเช็กเรื่องเวลาที่ควรกินวิตามินชนิดต่าง ๆ ให้เคลียร์


1. วิตามินซี กินตอนไหนดี

วิตามินซีเป็นวิตามินที่คนเลือกกินเพื่อสุขภาพมากที่สุด ด้วยสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ทั้งนี้ เราควรกินวิตามินซีในช่วงหลังอาหารเช้านะคะ เพราะวิตามินซีมีกรดที่อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ อีกทั้งอาหารจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ร่างกายเราจะดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% จากปริมาณที่เรากินไปเท่านั้น และจะอยู่ในร่างกายได้ไม่นาน เพราะจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้น ควรแบ่งรับประทาน เช่น กินวิตามินซี ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือจนครบขนาดที่แนะนำ แทนการกินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ หากหวังผลในเรื่องบำรุงผิว ชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ ก็สามารถกินวิตามินซีคู่กับคอลลาเจน หรือกลูต้าไธโอน ได้


2. วิตามินบี กินตอนไหนดี

วิตามินบีเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของการกินวิตามินบีรวม วิตามินบี 12 บี 6 หรือวิตามินบีอื่น ๆ ควรกินในตอนเช้าขณะที่ท้องว่างจะดีที่สุด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี หรือถ้ากินตอนท้องว่างแล้วรู้สึกระคายเคืองกระเพาะอาหาร แนะนำให้กินระหว่างมื้ออาหารเช้า หรือหลังอาหารเช้าแทน จะช่วยกระตุ้นระบบประสาท ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ และด้วยสรรพคุณนี้จึงไม่ควรกินวิตามินบีตอนเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้


3. วิตามินอี กินตอนไหนดี

วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หมายความว่าร่างกายจะดูดซึมวิตามินอีได้ดีเมื่อกินร่วมกับอาหารที่มีไขมันนั่นเอง ดังนั้นควรกินวิตามินอีร่วมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น นม โยเกิร์ต อัลมอนด์ ถั่วต่าง ๆ หรือจะกินคู่กับอะโวคาโดก็ได้ 

แต่สำหรับคนที่อยากผิวสวยและอยากกินอีฟนิ่งพริมโรส (EPO) พร้อมกับวิตามินอี บอกเลยว่าเบาได้เบา เพราะทั้งสองตัวนี้คือวิตามินอีด้วยกันทั้งคู่ หากกินคู่กันก็อาจได้วิตามินอีเกินความต้องการของร่างกาย และอาจมากเกินไปจนส่งผลกระทบกับหัวใจแทน ดังนั้นควรเลือกกินวิตามินอี หรืออีฟนิ่งพริมโรส (EPO) ตัวใดตัวหนึ่งก็พอ และการกินอีฟนิ่งพริมโรส (EPO) ก็ควรกินร่วมกับอาหารที่มีไขมันเหมือนกับวิตามินอีเลยค่ะ


4. วิตามินดี กินตอนไหนดี

อีกหนึ่งชนิดวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน จึงควรกินวิตามินดีระหว่างมื้ออาหาร หรือหลังอาหารเช้าหรือเที่ยงไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะเริ่มดูดซึมสารอาหาร และไขมันจากอาหารจะมาช่วยเป็นตัวทำละลาย ให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดีอย่างเต็มที่มากขึ้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินดีในช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือตอนเย็น เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้


5. วิตามินเอ กินตอนไหนดี

วิตามินเอก็ละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที ได้เลย


6. วิตามินเค กินตอนไหนดี

หากจะกินวิตามินเคก็ควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที  เพราะเป็นวิตามินชนิดที่ละลายได้ดีในไขมันเช่นกัน


7. แคลเซียม กินตอนไหนดี

สำหรับคนที่กินแคลเซียมควรดูว่าที่จะกินเป็นแคลเซียมชนิดไหน หากเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium carbonate)  ควรกินหลังอาหารทันที เพราะแคลเซียมชนิดนี้ต้องใช้กรดในกระเพาะช่วยในการแตกตัว

ส่วนคนที่กินแคลเซียมซิเตรต (Calcium citrate) ควรกินตอนท้องว่าง เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่า โดยเฉพาะถ้ากินคู่กับวิตามินดี แต่ทั้งนี้ก็ควรเลี่ยงกินพร้อมยาตัวอื่น ๆ เพราะอาจไปลดการดูดซึมได้ และไม่ควรกินแคลเซียมซิเตรตพร้อมผักปริมาณมาก ๆ รวมทั้งอย่ากินแคลเซียมร่วมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม แคลเซียมซิเตรตและแคลเซียมคาร์บอเนต จะมีปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ต่างกัน โดยแคลเซียมคาร์บอเนตมีปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมได้ 40% ส่วนแคลเซียมซิเตรต มีปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมได้เพียง 21% ดังนั้นการเลือกซื้อก็ควรดูว่าร่างกายต้องการแคลเซียมมาก-น้อยแค่ไหน ซึ่งการตรวจเลือดก็จะให้ผลที่แม่นยำที่สุดว่าร่างกายเราขาดวิตามิน หรือสารอาหารชนิดใดบ้าง


8. ธาตุเหล็ก กินตอนไหนดี

ธาตุเหล็กเป็นกลุ่มแร่ธาตุชนิดละลายน้ำ ดังนั้นควรกินธาตุเหล็กตอนท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างเต็มที่ และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็แนะนำให้กินธาตุเหล็กร่วมกับน้ำส้ม หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง เพราะวิตามินซีจะเสริมให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น แต่หากกินธาตุเหล็กตอนท้องว่างแล้วรู้สึกระคายเคืองกระเพาะอาหาร ก็สามารถกินขนม หรือของว่างไขมันต่ำร่วมได้ แต่ก็ไม่ควรกินธาตุเหล็กร่วมกับแคลเซียม วิตามินอี และสังกะสี เพราะจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกาย


9. สังกะสี Zinc กินตอนไหนดี

Zinc ที่เรามักจะกินเพื่อลดสิว ผิวมัน โดยปกติควรกินตอนท้องว่างเช่นกัน เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด แต่หากมีหลายคนมักมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร รู้สึกคลื่นไส้ จึงแนะนำให้กิน Zinc หลังอาหารได้ แต่ไม่ควรกิน Zinc พร้อมกับธาตุเหล็กหรือแคลเซียมนะคะ


10. น้ำมันปลา (Fish oil) กินตอนไหนดี

น้ำมันปลาหรือ Fish oil ที่นิยมกินเพื่อเติมกรดไขมันดีให้ร่างกาย ควรกินหลังมื้ออาหารไม่เกิน 30 นาที เพื่อให้ร่างกายดูดซึมน้ำมันปลาได้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้หากป่วยและกินยาแอสไพรินอยู่ ก็ควรงดกินน้ำมันปลาด้วย เนื่องจากทั้งน้ำมันปลาและแอสไพรินมีฤทธิ์ช่วยให้ไม่เกิดลิ่มเลือดจับตัวเป็นก้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย หรือเลือดไหลไม่หยุด


12. โคเอนไซม์ คิว 10 กินตอนไหนดี

สำหรับโคเอนไซม์ คิว 10 (Co-enzyme Q10) ก็ละลายได้ดีในไขมัน เหมือนกับวิตามินเอ, ดี, อี และเค ดังนั้นจึงแนะนำให้กินหลังมื้ออาหารไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ร่างกายกำลังดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ


13. Grape seed กินตอนไหนดี

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น หรือ Grape seed ควรกินในขณะท้องว่าง โดยอาจจะกินตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง เพราะโปรตีนจากอาหารที่เรากินเข้าไปอาจไปจับสารสำคัญใน Grape seed จนทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่เต็มที่ และหากกิน Grape seed ก็ต้องงดกินยาแอสไพรินหรือยาที่มีฤทธิ์ละลายลิ่มเลือดด้วยนะคะ เพราะ Grape seed อาจไปเสริมฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด จนเสี่ยงต่ออาการเลือดออกเยอะมาก หรือเลือดไหลไม่หยุดได้


14. มัลติวิตามิน (Multivitamin) กินตอนไหนดี

ใครที่กินมัลติวิตามิน ที่มีหลากหลายวิตามินและสารอาหารในเม็ดเดียว สามารถกินมัลติวิตามินหลังอาหารกลางวันไม่เกิน 30 นาที เพื่อลดอาหารระคายเคืองกระเพาะอาหารจากวิตามินบางตัว และเพื่อให้ไขมันจากอาหารมื้อใหญ่ในตอนเที่ยงที่กินเข้าไปช่วยเป็นตัวละลายให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุได้ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้เพื่อประสิทธิภาพที่ดีของการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุในรูปแบบอาหารเสริมที่เรากินเข้าไป ก็ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินหรืออาหารเสริมกับเครื่องดื่มร้อน อาหารร้อน เพราะความร้อนอาจทำลายคุณค่าของวิตามินหรืออาหารเสริมเหล่านี้ได้ ที่สำคัญก่อนจะกินอาหารเสริมตัวไหน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนด้วยนะคะ เพราะยาบางตัว วิตามินบางชนิด หรือผู้ป่วยบางโรค อาจได้รับผลเสียมากกว่าผลดีของการกินวิตามินและอาหารเสริม


15. คอลลาเจน กินตอนไหนดี

สาว ๆ ที่อยากกินคอลลาเจนเพื่อผิวขาวกระจ่างใส แนะนำให้กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ คอลลาเจนจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย และเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น ควรกินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี โดยควรเลือกกินคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed collagen) เพราะร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนสายยาว นอกจากนี้ปริมาณที่ควรกินคอลลาเจนก็อยู่ที่ 5,000 -7,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรืออาหารเสริมประเภทไหน ก็ไม่ควรกินมากจนเกินไป เพราะอาจมากเกินความต้องการจนเกิดผลข้างเคียง หรือสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะคนที่มีอาการป่วย หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยนะคะ




ดูแลสุขภาพ: วิตามินต่าง ๆ ควรกินตอนไหน กินคู่กับอะไรให้ร่างกายดูดซึมได้มากที่สุด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

13
หลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องรีบทำการแก้ไข เพราะอาจจะจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันนั้น เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก เมื่อคุณมีกลิ่นปากและลมหายใจที่ไม่พึงประสงค์จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกอาย เมื่อต้องเข้าสังคมหรือใกล้ชิดกับผู้อื่น ดังนั้น เราต้องเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากเพื่อที่จะได้ทราบถึงต้นตอของปัญหาและทำการแก้ไข โดยสาเหตุหลักๆอาจจะเกิดจากการไม่ดูแลเหงือกและฟันของคุณอย่างเหมาะสม


ซึ่งคราบพลัคที่สะสมรอบรอบๆฟันเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปาก เพราะเมื่อแบคทีเรียในคราบพลัคย่อยเศษอาหารในช่องปากของเราแล้ว แบคทีเรียจะปล่อยแก๊สทำให้ลมหายใจของเรามีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรืออาจจะเกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพเหงือก ซึ่งเป็นปัญหาเหงือกอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สิ่งที่เราดื่มหรือรับประทานเข้าไปก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์และคนที่สูบบุหรี่ก็จะทำให้เกิดกลิ่นปากเช่นเดียวกัน


ทำให้เกิดคราบบนผิวฟันและอาจทำให้เสี่ยงสูงที่จะมีปัญหาสุขภาพเหงือกวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการป้องกันปัญหาดังกล่าวก็คือการแปรงฟันวันละ 2 ครั้งเพื่อขจัดคราบพลัคและเศษอาหารที่ติดอยู่ในส่วนที่เข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้ คนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟันหรือลักษณะการขึ้นของฟันก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นเดียวกัน เพราะฟันที่ซ้อนเก ฟันที่ห่าง อาจจะทำให้เราแปรงฟันได้ไม่สะอาด ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ก็มักเกิดขึ้นกับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบที่มีเครื่องมือแบบติดแน่น


ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ เพื่อลดการเกิดกลิ่นปากเพราะคนกลุ่มนี้มักจะเกิดกลิ่นปากได้ง่าย แต่ในกลุ่มคนที่เข้ารับการจัดฟันแบบใสปัญหานี้อาจจะหมดไปได้หรืออาจจะเกิดขึ้นได้น้อยเพราะในขณะทำความสะอาดช่องปากและฟันผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ทำให้สามารถแปรงฟันได้อย่างเต็มที่


สำหรับใครที่คิดที่จะเข้ารับการจัดฟัน อาจจะลังเลว่าควรที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใด เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและช่วยลดการเกิดปัญหาอื่นๆที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต หลายคนสงสัยว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันแบบใสแล้ว เราจะต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างไร เพื่อที่จะให้ไม่เกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ เพราะปัญหาดังกล่าวนี้ผู้เข้ารับการจัดฟันมักจะพบเจอได้บ่อยซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพและรู้สึกไม่ดี เวลาที่ต้องเข้าสังคมหรือใกล้ชิดกับผู้อื่น สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงประเด็นที่ว่าการจัดฟันแบบใส


สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้หรือไม่ ต้องอธิบายก่อนว่าการเกิดกลิ่นปากนั้น อาจจะเกิดจากการที่เรารับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงเข้าไป แต่ในแง่ของการจัดฟันแบบใส ในส่วนของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ถือว่ามีความสะดวกสบายมากและตอบโจทย์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เพราะการจัดฟันแบบใส ไม่ทำให้เกิดปัญหาการออกเสียง การพูดหรือส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร เพราะเมื่อเวลาที่เราจะต้องรับประทานอาหาร


เราจะต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออกทุกครั้ง ทำให้รับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายและเต็มที่มากยิ่งขึ้น รวมไปถึง ขั้นตอนการทำความสะอาดช่องปากและฟันก็สามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะสามารถแปรงฟันได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าเหล็กจัดฟันจะหลุดออกมา นอกจากนี้ ยังไม่มีอุปสรรคในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสสามารถแปรงฟันได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตามการเกิดกลิ่นปากนั้น อาจจะเกิดขึ้นได้

 

การจัดฟันแบบใส ช่วยลดกลิ่นปากได้หรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

14
คนซื้อบ้าน-คอนโดมือใหม่มารวมกันตรงนี้! วันนี้เรามีข้อควรรู้สำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้าน-คอนโดมาฝากค่ะ บางข้อจะเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีคนถามกันเก็บมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ



ข้อควร (ต้อง) รู้! ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโด

1.บ้าน-คอนโดซื้อเงินสดหรือเงินผ่อนก็ได้ ถ้าจะซื้อเงินผ่อนต้องกู้ธนาคารและต้องมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10-15% ใครจะซื้อสดไม่ว่ากันแต่คนส่วนใหญ่ 90% ซื้อบ้านแบบเงินผ่อนจ้า

2.ต้องวางแผนระยะยาว เพื่อเตรียมพร้อมทั้งการเลือกบ้าน-คอนโดให้ตรงกับตัวเองที่สุด เปรียบเทียบโครงการ เตรียมเงินในกระเป๋า เตรียมใจ! ไม่ใช่อยากได้วันนี้ พรุ่งนี้ซื้อเลย! (แต่ถ้ารวยมากๆ ก็ทำได้นะ) แต่ต้องเลือกให้ดีๆ เพราะชีวิตนี้เราอาจจะได้ซื้อบ้าน-คอนโดแค่ครั้งเดียว (ถ้ามีฐานะดีหน่อยก็อาจจะซื้อได้หลายๆ ครั้ง)


3.ที่อยู่อาศัย บ้าน-คอนโดมีหลายรูปแบบ บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม, คอนโดไฮไรส์, และคอนโดโลว์ไรส์ ชอบอยู่แบบไหน งบเท่าไหร่ ลองหาแบบที่ใช่สำหรับตัวเอง ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากที่สุด เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตแบบมีความสุขในบ้านหรือวิมานของเราค่ะ

4.บ้านตัวอย่างส่วนใหญ่จะตกแต่งจัดเต็ม ข้อนี้ต้องรู้ค่ะ คนซื้อบ้านมือใหม่เวลาไปดูบ้านตัวอย่างจะเห็นบ้านชวนฝันมากๆ โครงการจัดมาให้ดูแบบเฟอร์นิเจอร์แบบเต็มบ้านเพื่อยั่วน้ำลาย แต่บ้านที่ขายให้เราจะไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์มาด้วยนะจ้ะ (บางโครงการมีเฟอร์ฯ แต่ให้แค่บางชิ้นค่ะ) อันนี้สำคัญข้อควรรู้ก่อนไปดูบ้านตัวอย่างค่ะ และถ้าเป็นไปได้ขอดูบ้านมาตรฐานที่โครงการจะส่งมอบให้เราด้วย อันนี้แหละของจริงคือ บ้านที่เราจะได้ค่ะ


5.ถามสเปกของให้ดี ห้องตัวอย่างคอนโดมิเนียมบางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์ก็จริง แต่ของจริงที่ให้ไม่ได้เป็นแบบห้องตัวอย่าง อันนี้เห็นกันบ่อยๆ เวลาไปดูโครงการก็ต้องถามให้ละเอียดว่าชิ้นไหนได้ชิ้นไหนไม่ได้ เพราะห้องตัวอย่างจัดมาให้ชวนฝันได้แบบสุดๆ และสเปกของที่ให้กับที่โชว์ในห้องตัวอย่างคนละเวอร์ชั่นกันนะคะ

6.บ้านตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ทำรั้ว เจอบ่อยๆ กับคำถามที่ว่า บ้านโครงการนี้ไม่ให้รั้วเหรอคะ, ทำไมไม่มีรั้วให้คะ รู้สึกไม่ปลอดภัยจัง บลาๆๆ สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นดูโครงการบ้านค่ะ บ้านตัวอย่างส่วนใหญ่จะไม่ทำรั้วบ้านค่ะ แต่บ้านที่โครงการส่งมอบให้ลูกค้าจะมีรั้วให้เป็นปกติค่ะ เหตุผลที่ไม่ทำรั้วก็ง่ายๆ ค่ะ เข้าออกได้สะดวก และจะได้เห็นตัวบ้านเต็มๆ ค่ะ


7.บ้านตัวอย่างไม่มีประตูในบ้าน ข้อนี้ก็เหมือนกัน เวลาเพื่อนๆ ดูคลิปวิดีโอมักจะมีคำถามที่ว่า ไม่ได้ให้ประตูมาด้วยเหรอคะ ความจริงคือบ้านมาตรฐานที่โครงการส่งมอบมีประตูให้เรียบร้อยทุกบานค่ะ เพียงแค่ในบ้านตัวอย่างส่วนใหญ่จะไม่ติดตั้งไว้ เพื่อสะดวกในการดูบ้านค่ะ
 
8.บ้านตัวอย่างซื้อได้ไหม หลายคนเห็นบ้านตัวอย่างแล้วอยากได้ เพราะจัดเต็มแต่งเฟอร์นิเจอร์มาครบ ถามว่าซื้อได้ไหม คำตอบคือ ซื้อได้ค่ะ แต่จะต้องบวกค่าตกแต่งเข้าไปอีกมากพอสมควร บางหลังราคาบ้าน 2 ล้านกว่าๆ ค่าตกแต่ง 1 ล้านก็มี และที่สำคัญจะเข้าอยู่บ้านตัวอย่างที่เราซื้อไปได้ก็ต่อเมื่อโครงการปิดการขายหรือขายบ้านทุกหลังจบเรียบร้อยแล้วจึงจะได้ฤกษ์เราเข้าไปอยู่ ซึ่งถ้าใครรีบเข้าอยู่ บ้านตัวอย่างก็ไม่เหมาะค่ะ

9.ราคาโปรโมชั่นมีอยู่จริง ข้อนี้เป็นข้อควรรู้สำหรับคนจะซื้อบ้านค่ะ ราคาที่เราเห็นในโฆษณา คือราคาเริ่มต้น ย้ำว่าราคาเริ่มต้นค่ะ เช่น ทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท ราคานี้มีอยู่จริงค่ะ แต่ส่วนใหญ่เลยจะมีอยู่ไม่กี่หลัง บางโครงการมีแค่หลังเดียว บางโครงการมี 2-10 หลังก็มี และส่วนใหญ่ก็มักจะขายหมดตั้งแต่เปิดจองครั้งแรกๆ แล้วค่ะ บางโครงการใช้วิธีมาก่อนได้จองก่อน หรือจับสลากแล้วแต่เลยค่ะ (เพราะราคาดี ใครๆ ก็อยากได้จริงมั้ย) ประเด็นอยู่ที่เวลาเราจะเข้าไปดูโครงการ เตรียมใจไปก่อนเลยค่ะ ให้บวกราคาจากราคาเริ่มต้นไปอีกอย่างน้อยๆ 2-3 แสน เพราะราคาที่เราจะจบได้ ส่วนใหญ่จะแพงกว่าราคาโฆษณาพอสมควรค่ะ เช่น ราคาโฆษณาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท แต่พอไปดูจริง บ้านที่เหลือขายจะมีราคามากกว่าที่โฆษณาไว้ นั่นก็คือเราจะได้บ้านราคาประมาณ 3 ล้านบวกลบ
 
10.สำรวจทำเลจริงจัง ข้อนี้ก็สำคัญค่ะ โดยเฉพาะใครที่จะจองคอนโดเห็นบ่อยๆ บางคนไม่รู้จักทำเลเลย ก็ยอมเสียเงินจองไปซะแล้ว ฉะนั้นแนะนำให้ไปดูทำเลและสำรวจกันให้จริงจังนิดนึงค่ะ ยิ่งถ้าซื้ออยู่เองนะลองไปดูทำเลทั้งกลางวัน-กลางคืนว่าเป็นยังไงบ้าง กลางวันคึกคัก กลางคืนเปลี่ยวไหม ใช้รถยนต์ส่วนตัวสะดวกหรือเปล่า ใช้รถสาธารณะเป็นยังไง ถ้าลองพิจารณาดูข้อนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ


11.เปรียบเทียบโครงการ แนะนำว่าควรมีโครงการเปรียบเทียบกัน พยายามดูโครงการในทำเลใกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองค่ะ ดูความคุ้มค่า ทั้งเรื่องทำเล คุณภาพสเปกวัสดุ ราคาขาย


12.ส่วนกลางเยอะ ก็เสียเงินเยอะ ฮ่าๆ ข้อนี้บางคนมองข้าม ชอบพื้นที่ส่วนกลางหรือ Facility เยอะๆ แต่ความเยอะนั้นมาพร้อมค่าใช้จ่าย ในการดูแล บำรุงรักษาให้สภาพพร้อมใช้งานตลอดอายุโครงการ ส่วนกลางเยอะ ราคาค่าส่วนกลางก็เยอะตามค่ะ ฉะนั้นแล้วอย่าลืมถามค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนจะจองนะคะ เพราะเป็นรายจ่ายที่เราต้องจ่ายทุกๆ ปี สำหรับบ้านจัดสรรคิดตามขนาดที่ดินบ้านแต่ละแปลง (ตารางวา) เช่น ถ้าค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางวา เราซื้อบ้านเดี่ยว 50 ตารางวา คือต้องจ่ายค่าส่วนกลาง 1,750 บาทต่อเดือน หรือ 21,000 บาทต่อปี ส่วนโครงการคอนโดคิดตามพื้นที่ใช้สอย (ตารางเมตร) เช่น ซื้อคอนโด 31 ตารางเมตร ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตร ตก 1,240 บาทต่อเดือน หรือ 14,880 บาทต่อปี โดยส่วนมากค่าส่วนกลางจะจ่ายกันรายปีค่ะ

ที่ปรึกษาโครงการ: ข้อควร (ต้อง) รู้! ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://realestatebb.com/

15
หลังจากที่เกิดโรคระบาดอย่างโควิด-19 ก็ทำให้ชีวิตการทำงานของหลายคนเปลี่ยนไป เราเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work From Home กันมากขึ้น มีการประชุมผ่าน Zoom ทำให้การทำงานอยู่บ้านช่วยลดการแต่งตัวของเรามากขึ้น และอาจจะแต่งเพียงท่อนบนเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพในระหว่างที่ต้องประชุมออนไลน์เท่านั้น แต่แล้วในตอนนี้สถานการณ์ของโรคระบาดเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลายคนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ได้ออกไปทำงาน และแน่นอนว่าคุณได้กลับไปแต่งตัวอีกครั้ง และเพื่อให้การคัมแบคสู่ออฟฟิศของคุณในครั้งนี้ ได้ลุคใหม่แบบสับ และชิคสุด ๆ เรามี แฟชั่นสาวออฟฟิศ มาแนะนำ รับรองว่าคุณจะแต่งตัวสาวออฟฟิศได้สวยเก๋กว่าใคร จนเพื่อนที่ทำงานต้องร้องทักเลยล่ะ


20 เทรนด์แฟชั่นสาวออฟฟิศ แต่ยังไงได้ลุคสวยสับใน

ด้วยสถานการณ์อย่างต่อเนื่องของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 การกลับมาทำงานจึงดูแตกต่างไปสำหรับทุกคน บางคนกลับมาที่สำนักงานแล้ว บางคนกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานจากที่บ้านที่เป็นยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง และบางคนก็อาจจะต้องทำงานผสมผสานระหว่างสองสิ่งนี้ และช่วงเวลานี้ทำให้หลายคนเห็นด้วยว่าปี เป็นเวลาสำหรับการรีเซ็ตตู้เสื้อผ้าแบบมืออาชีพ เพื่อความสดใสในการกลับมาทำงานของคุณ เรามาดูแฟชั่นชุดทำงานกันดีกว่าว่าตอนนี้เทรนด์ใหม่ ๆ ของปี มีอะไรบ้าง ที่จะเปลี่ยนลุคคุณให้ดูสวยเตรียมพร้อมกับการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ


1. เบลเซอร์

เสื้อเบลเซอร์ตัวโปรดของคุณได้เก็บไว้ในตู้ในช่วงล็อกดาวน์ต่าง ๆ มาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้ได้เวลาที่จะหยิบมาสวมใส่เพื่อความเก๋กันแล้ว เสื้อเบลเซอร์สามารถใช้เป็นชุดแต่งตัวไปทํางานผู้หญิงได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางการ สุภาพ หรือแม้แต่แบบแคชชวล อยู่ที่การเลือกว่าจะจับคู่กับอะไร ลองจับคู่กับเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ และรองเท้าส้นสูง เท่านี้ก็ได้ลุคสวยชิคแล้ว และถ้าใครมองหาไอเดียแต่งตัวสัมภาษณ์งาน ลุคนี้ก็สุภาพใช้ได้เลย


2. ชุดทำงานขาวดำ

นี่คือแฟชั่นสาวออฟฟิศ ที่จะทำให้คุณดูสวยเก๋มีสไตล์ ด้วยการแต่งตัวสบาย ๆ แบบชุดทำงานสีขาวดำ monochrome ชุดเดรสยาวแขนยาวในผ้าที่สวมใส่สบาย ใส่ได้ทุกฤดูกาล ยิ่งหากคุณยังไม่พร้อมที่จะแต่งตัวสบาย ๆ เหมือนเวลาที่ทำงานอยู่ที่บ้าน นี่ก็เป็นสไตล์การแต่งตัวที่ดีเมื่อต้องย้ายกลับไปที่สำนักงาน เพราะยังดูสุภาพ สวยงาม แบบแคชชวลลุค


3. เสื้อเชิ้ตสีขาว

เสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นแฟชั่นชุดทำงานที่เพอร์เฟกต์ เพราะแม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่ก็เปลี่ยนให้คุณเป็นสาวทำงานที่ดูมั่นใจและดูเป็นมืออาชีพ ยิ่งหากคุณเป็นแฟนของเสื้อเบลาส์เข้ารูปหรือลุคหลวม ๆ โอเวอร์ไซส์ คุณไม่ควรพลาดแฟชั่นนี้ นอกจากใส่ไปทำงานแล้ว ลองแมทช์เข้ากับกางเกงยีนส์ของคุณในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะใส่คู่กับกระโปรงเลื่อมของคุณในงานปาร์ตี้ของบริษัท ก็สร้างลุคใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้แล้ว


4. กางเกงขากว้าง

เราทุกคนใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานโดยสวมแต่กางเกงวอร์มหรือกางเกงขาสั้น ทำให้หลายคนอาจจะยังไม่พร้อมที่จะกลับมาใส่กางเกงรัดรูปในทันทีทันใดได้ อาจจะด้วยรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป ลองเริ่มจากกางเกงขากว้างเอวสูง ที่จะช่วยพรางเอวและหุ่นของคุณได้ จับคู่เข้ากับเสื้อรัดรูป เพื่อให้เห็นสัดส่วนที่ชัดเจน และรองเท้าส้นสูงส้นแหลม เท่านี้คุณก็จะดูสวยชิคแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหุ่นอีกต่อไป


5. กระโปรงพลีท

ด้วยลายพิมพ์ Ombre สีสันสดใสและการจับจีบที่ดูดีมีสไตล์ กระโปรงพลีทตัวนี้เหมาะสำหรับการใส่เป็นชุดทำงานรับซัมเมอร์ ด้วยดีไซน์ความยาวของกระโปรงเหนือข้อเท้าที่ทันสมัย ทำให้สวมใส่ง่ายมากขึ้น และมีขอบเอวยางยืดเพื่อความกระชับสบายในที่ทำงาน ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหน ก็สวยเก๋ได้ในลุคนี้


6. เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลาย

เสื้อเบลาส์พิมพ์ลายตัวนี้จะทำให้คุณมีลุคสุดเท่และเก๋ไม่เหมือนใคร เป็นแฟชั่นสาวออฟฟิศที่ใส่ไปทำงานได้ เพียงจับคู่กับกางเกงขายาวสีขาวเพื่อความสง่างามแบบง่ายๆ หรือจะจับคู่กางเกงยีนส์เพื่อลุคลำลองในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้เช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบการแต่งตัวสบาย ๆ สไตล์แคชชวล ที่ไม่ได้ดูเป็นทางการมากเกินไป แต่ก็ยังสุภาพสำหรับใส่ไปทำงาน


7. กางเกงขาสามส่วน

กางเกงขาสามส่วนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับช่วงหน้าร้อน และยังเหมาะใส่เป็นแฟชั่นชุดทำงานอีกด้วย ด้วยสไตล์ของผ้าฝ้ายสีดำ เข้ากันได้ดีกับคาดิแกนสีอ่อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวันที่อากาศจะร้อนขึ้น เพราะสวมใส่สบาย ไม่อึดอัด แถมยังสร้างลุคให้ดูเป็นสาวออฟฟิศได้ง่าย ๆ แค่จับคู่กับเบลเซอร์หรือสูทสักตัว และรองเท้าส้นสูงก็เพียงพอ


8. กางเกงขายาวจีบรอบ

ไม่ต้องกังวลเรื่องแต่งตัวไปทํางานผู้หญิง หากคุณเป็นสาวอวบ เพราะกางเกงขายาวจีบรอบแบบคลาสสิกนี้จะทำให้คุณดูสวยได้ตลอดทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะจับคู่กับเสื้อยืดธรรมดา เสื้อแขนกุด เสื้อเบลาซ์ หรือเสื้อเชิ้ตก็ได้หมด และเพิ่มรองเท้าแบบมีส้น หรือแม้แต่รองเท้าผ้าใบที่คุณชื่นชอบ ก็ได้สไตล์ลำลองสบาย ๆ ไปทำงานได้แล้ว


9. เดรสผูกโบว์

ลุคนี้เป็นลุคที่ใส่ได้ทั้งแบบลำลองและลุคที่เป็นทางการมากขึ้น เดรสผูกโบว์ด้านหน้าตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับหน้าร้อน เพราะแขนสั้นจะช่วยให้คุณเย็นตลอดทั้งวัน และเพียงสวมสูทหรือเบลเซอร์ทับ จับคู่กับรองเท้ามีส้น ก็ทำให้คุณดูดีเมื่อต้องไปทำงานได้อย่างง่าย ๆ


10. เสื้อเชิ้ตติดกระดุมโอเวอร์ไซส์

เสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์สีเหลืองตัวนี้ จะทำให้คุณดูชิคสุด ๆ และเป็นแฟชั่นสาวออฟฟิศ ที่รับรองว่าอินเทรนด์ ด้วยสไตล์ที่ทันสมัย และทำให้ดูสวยเก๋แบบสับเหมือนหลุดมาจากรันเวย์ แค่จับคู่ง่าย ๆ กับรองเท้าส้นสูงสีแดงหรือสีน้ำตาล จะใส่ติดกระดุมเป็นเดรส หรือแมทช์กับกางเกงขายาวเพื่อลุคสบาย ๆ ก็ได้เช่นกัน


11. มินิสเกิร์ตลินิน

ผ้าลินินเป็นผ้าที่เหมาะกับอากาศร้อนมาก ๆ จึงสามารถนำมาเป็นชุดทำงานผู้หญิงได้ เพราะมันดูเก๋ไก๋และช่วยให้คุณไม่ร้อนเกินไป จับคู่ง่าย ๆ กับเสื้อเชิ้ตแขนยาว หรือจะสวมสูททับสักตัวก็ได้ลุคที่ดูภูมิฐานขึ้นได้ อย่าลืมรองเท้าส้นสูงคู่โปรดของคุณด้วย จะช่วยเสริมให้ลุคนี้ดูสวยเฉี่ยวยิ่งขึ้น


12. ชุดจั๊มสูทเดนิมแขนสั้น

ลุคนี้ไม่เพียงแต่ใส่ลำลองในวันสบาย ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นชุดแต่งตัวสาวออฟฟิศได้อีกด้วย ด้วยเพราะอากาศที่ร้อนผ้ายีนส์หนา ๆ อาจไม่เหมาะ แต่ถ้าอยากเก๋ในสไตล์เดนิม จั๊มสูทเดนิมตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมาในแขนสั้น และยังทำให้คุณคล่องตัวในการทำงานขึ้นอีกด้วย


13. มินิเดรสลายดอก

มาแต่งตัวสาวออฟฟิศไปทำงานให้มีสีสันสดใสด้วยมินิเดรสลายดอกกัน เดรสลายดอกไม้เป็นชุดทำงานที่ใส่ได้ทุกฤดูกาล การจับคู่ชุดเดรสของคุณกับรองเท้าผ้าใบน่ารักก็เป็นวิธีที่เหมาะในการแต่งตัวสำหรับวันสบาย ๆ ที่สำนักงาน แต่ถ้าอยากเพิ่มความเป็นทางการมากขึ้น ก็แค่หยิบสูทสีพื้นมาสวมทับก็เพียงพอ


14. กางเกงขาม้าและเสื้อครอป

มาแต่งตัวไปทํางานผู้หญิงด้วยการสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ด้วยกางเกงขายาวทรงขาม้า และเสื้อยืดครอปที่เหมาะมากกับฤดูร้อน เพียงเสริมลุคด้วยเครื่องประดับอย่างนาฬิกาและแว่นตา และรองเท้ามีส้นน่ารัก ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับลุคออฟฟิศสบาย ๆ แต่ยังดูสวยเก๋ในทุก ๆ วัน


15. กางเกงสูททรงตรง

หากคุณกำลังมองหาชุดทำงานที่ดูเป็นทางการสักหน่อย และจำเป็นต้องสวมสูทแบบเต็มตัว กางเกงสูททรงตรงจะช่วยให้คุณดูสวยแบบเป็นทางการแต่ยังดูเป็นแฟชั่นสาวออฟฟิศที่สวยเก๋อยู่ ลองใช้สีขาวเพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น และไม่ทำให้คุณดูแก่เกินไปอีกด้วย


16. เบลเซอร์มินิเดรส

นี่คือแฟชั่นสาวออฟฟิศ ที่สวยเก๋ และโฉบเฉี่ยวที่สุด กับแฟชั่นเบลเซอร์มินิเดรสสีน้ำเงิน ที่สร้างลุคทันสมัยและเก๋มาก หากที่ทำงานของคุณสามารถแต่งตัวตามแฟชั่นได้แบบไม่ต้องเป็นทางการนัก ชุดนี้เหมาะกับคนที่อินเทรนด์สุด ๆ หรือถ้าอยากจะสวมสูทสีขาวทับสักตัวก็ไม่เลว


17. แจ็คเก็ตโอเวอร์ไซส์

ถ้าคุณอยากมีลุคเป็นสาวทำงานแบบเวิร์คกิ้งวูแมน นี่คือแฟชั่นชุดทำงานที่แนะนำ เสื้อเบลเซอร์ขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่ต้องมี นำมาสวมทับกางเกงยีนส์และเสื้อกล้ามด้านใน หรือแม้แต่ชุดแม็กซี่เดรสก็ได้เช่นกัน จะเลือกจับคู่กับรองเท้าส้นเตี้ยสไตล์แคชชวลก็ได้ หรือรองเท้าส้นสูงก็เพิ่มความเฟมินีนให้คุณยิ่งขึ้น


18. เสื้อผูกเน็คไทคอ

อีกหนึ่งแฟชั่นสาวออฟฟิศที่เหมาะสำหรับสาวอวบ หากคุณกังวลใจในการเลือกเสื้อผ้า เสื้อสไตล์นี้ก็เหมาะกับคุณ และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสื้อผ้าทำงานแบบคลาสสิกอีกด้วย เสื้อเบลาส์ผูกโบว์สุดน่ารักที่เข้าได้กับกางเกงและกระโปรงทั้งหมดของคุณ เลือกเป็นรองเท้าผ้าใบก็ได้ลุคที่สบาย ๆ หรือจะสวมส้นสูงก็เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น


19. ชุดเดรสเสื้อเชิ้ต

ชุดเดรสเสื้อเชิ้ตตัวนี้มีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับแฟชั่นสาวออฟฟิศ ซึ่งไม่รู้สึกว่าโอเวอร์เกินไปสำหรับการใส่ไปทำงาน ทั้งยังดูเก๋ และใส่ได้ทั้งลำลองและเป็นทางการ แถมยังทำให้คุณดูอินเทรนด์เหมือนหลุดมาจากแฟชั่นวีคเลยล่ะ


20. ชุดสูทขาสั้น

แฟชั่นสาวออฟฟิศ ที่จะทำให้คุณดูเป็นสาวเปรี้ยวประจำออฟฟิศ ด้วยเสื้อเบลเซอร์ลายดอกไม้ Blooming โทนขาวดำ จับคู่กับกางเกงลายเดียวกัน ไม่ใช่แค่ลายดอกไม้สีสดใสเท่านั้นที่จะทำให้คุณดูดี เพราะตัวเลือกกางเกงขาสั้นลายดอกไม้ขาวดำก็ดูดีเช่นกัน จับคู่เข้ากับเสื้อกล้ามด้านในสีดำ และรองเท้ามีส้นหรือแบบสาน เท่านี้ก็ได้ชุดทำงานสุดเก๋แล้ว


เทรนด์ชุดพนักงาน แฟชั่นสาวออฟฟิศ แต่ยังไงได้ลุคสวยสับใน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/

หน้า: [1] 2
ลงประกาศฟรี ติดหน้าแรก google โพสต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว วัตถุดิบทางการเกษตร ขายปลีก -ขายส่ง เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google